Close Menu
  • Home
  • Articles
  • About
    • Sitemap
  • Privacy Policy
Facebook X (Twitter) Instagram
Trending
  • ย้ายตำแหน่ง Windows 11 Taskbar ไปอยู่ด้านซ้ายมือ
  • แก้ไขปัญหาไม่มี New Word Doc เมื่อเมนู Right click
  • รีวิว MAKITA DTD157 ไขควงกระแทกไร้สาย: ตัวเล็ก น้ำหนักเบา ตอบโจทย์งาน DIY
  • การลงทะเบียนสินค้ามากีต้า (Makita) ประเทศไทย
  • Panasonic eneloop (AA) 1.2V 1900 mAh แพงกว่า แล้วคุ้มไหม
  • แนวทางการเลือกซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สายสำหรับงาน DIY
  • รีวิว Makita DHP486 สว่านไร้สาย 3 ระบบ – เจาะ ไม้/เหล็ก/ปูน & ขันสกรู
  • XTAR VC4 ราคาหลักร้อย ชาร์จแบตเตอรี่พร้อมกัน 4 ก้อน
Facebook X (Twitter) Instagram
SARANITUS
  • Home
  • Articles
  • About
    • Sitemap
  • Privacy Policy
SARANITUS
How-to

วิธีปิด Wi-Fi Sense บน Windows 10 Version 1511

DefiniBy DefiniSeptember 6, 2015No Comments2 Mins Read

[12 กุมภาพันธ์ 2560] ผู้ใช้ Windows 10 เวอร์ชัน 1607 (Anniversary Update) อ่าน วิธีเปิดหรือปิด Wi-Fi Sense บน Windows 10 Version 1607

ปัจจุบันพวกเราต้องการออนไลน์ได้จากทุกที่ทุกเวลาที่เป็นไปได้ และจะยิ่งแฮปปี้มากถ้าออนไลน์ได้ทันทีที่เปิดเครื่องโน้ตบุ๊คหรือแท็บเล็ต แต่ในความเป็นจริงเราอาจต้องทำหลายขั้นตอนกว่าจะใช้งานอินเทอร์เน็ตได้โดยเฉพาะการใช้งานผ่านระบบ Wi-Fi โชคดี (หรือเปล่า) ที่ไมโครซอฟท์รับรู้ถึงความยากลำบากดังกล่าวจึงแก้ปัญหาโดยเพิ่ม Wi‑Fi Sense บน Windows 10 เพื่อช่วยให้เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ง่ายขึ้น

Wi‑Fi Sense คืออะไร
โดยทั่วไปแล้วเมื่อต้องการเชื่อมต่อโน้ตบุ๊คหรือแท็บเล็ต Windows (7, 8/8.1 หรือ 10 ก็แล้วแต่) กับ Wi-Fi คุณจะต้องทำการเชื่อมต่อด้วยตนเอง จากนั้นต้องป้อนบัญชีผู้ใช้และรหัสผ่านหรือป้อนเฉพาะรหัสผ่านแล้วแต่กรณี ถ้าโชคดีเพียงพอคุณก็จะเชื่อมต่อได้สำเร็จและสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ตามต้องการ แต่ถ้าโชคร้ายก็ต้องติดต่อขอความช่วยเหลือจากผู้ดูแลระบบ (ถ้าทราบ) หรือทำการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ระบบอื่น (ถ้ามี) ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสำเร็จหรือจนกว่าจะหมดความพยายามไปเอง

จากขั้นตอนด้านบนจะเห็นได้ว่าไม่ค่อยสะดวกมากนักในการที่จะออนไลน์ผ่าน Wi-Fi แต่ปัญหาดังกล่าวนี้จะหมดไปทันทีถ้าคุณใช้ Windows 10 เพราะว่ามี Wi‑Fi Sense หรือที่ชื่อในภาษาไทยว่า “Wi‑Fi อัจฉริยะ” ซึ่งเป็นคุณลักษณะใหม่บน Windows 10 (มีใช้บน Windows Phone 8.1 มาก่อน) ที่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ได้ทันทีที่คุณเปิดเครื่องและในบริเวณนั้นมี Wi-Fi ฮอตสปอตแบบเปิดที่ระบบรู้จักหรือมีเพื่อนของคุณทำการแชร์ Wi-Fi ผ่าน Wi‑Fi Sense

ถ้าคุณเปิดใช้ Wi‑Fi Sense เมื่อคุณเปิดเครื่องระบบจะเชื่อมต่อคุณเข้ากับ Wi-Fi ที่เพื่อนใน Facebook, บุคคลในรายชื่อผู้ติดต่อใน Outlook.com หรือรายชื่อผู้ติดต่อใน Skype ทำการแชร์โดยอัตโนมัติ (โดยไม่ถามสักคำว่าอยากต่อไหม) ตัวอย่างเช่น เพื่อนคุณแชร์ Wi‑Fi ผ่านทาง Wi‑Fi Sense ถ้าคุณไปบ้านเพื่อนคนนั้นและเปิด Wi‑Fi Sense คุณสามารถใช้ Wi‑Fi ได้ในทันทีโดยไม่ต้องทำการเชื่อมต่อหรือลงชื่อเข้าให้เสียเวลา (อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงรู้สึกว่า “ก็สะดวกดีนี่”)

แต่ใช่ว่าแค่ใช้ Windows 10 แล้วจะใช้งาน Wi‑Fi Sense ได้นะครับ ไมโครซอฟท์เขาได้กำหนดเงื่อนไขให้คุณต้องทำดังนี้

  • ต้องลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Microsoft เช่น บัญชีของ Outlook หรือ Hotmail เป็นต้น
  • Wi‑Fi Sense มีให้ใช้งานได้บน Windows 10 เท่านั้น แต่คุณกำลังใช้ Windows 7 หรือ 8.1 ของแท้และอยากใช้ Wi‑Fi Sense ไมโครซอฟท์ให้คุณ อัปเกรด Windows 10 ฟรี (จำกัดเวลา) ครับ
  • ปัจจุบัน Wi‑Fi Sense พร้อมให้ใช้งานในบางประเทศหรือบางภูมิภาคเท่านั้น

 

แล้ว Wi‑Fi Sense มีข้อดีหรือข้อเสียแบบไหนและอย่างไร?

ข้อดีของ Wi‑Fi Sense
เริ่มต้นที่ข้อดีก่อน: Wi‑Fi Sense ช่วยให้ให้คุณสามารถออนไลน์ได้เร็วขึ้นเมื่อคุณอยู่ในสถานที่ต่างๆ โดยระบบนี้สามารถเชื่อมต่อคุณเข้ากับ Wi-Fi ฮอตสปอตแบบเปิดที่ระบบรู้จัก หรือเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่รายชื่อผู้ติดต่อของคุณแชร์กับคุณผ่าน Wi-Fi Sense ในทันทีโดยไม่ต้องทำการเชื่อมต่อหรือลงชื่อเข้าให้เสียเวลา

ฟังดูเหมือนว่า Wi‑Fi Sense จะมีแต่ข้อดี แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ครับ มันมีข้อเสียเหมือนกันและเป็นข้อเสียร้ายแรงที่ไม่อาจมองข้ามหรือละเลยได้เสียด้วย

ข้อเสียของ Wi‑Fi Sense
มีคำพูดที่ว่าอะไรที่สะดวกมักจะไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่ และ Wi‑Fi Sense ก็หนีไม่พ้นหลักการดังกล่าว ข้อเสียแรกของ Wi‑Fi Sense คือเปิดใช้งานโดยเริ่มต้น และเนื่องจากการที่ระบบจะทำการเชื่อมต่อคุณเข้ากับ Wi-Fi ฮอตสปอตโดยอัตโนมัตินั้นระบบต้องทำการเก็บรหัสผ่าน (หรือ Passkey หรือ Network Security Key) ไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของไมโครซอฟท์บนอินเทอร์เน็ตและจะต้องส่งลงมาให้กับเครื่องที่ทำการต่อเครือข่ายผ่าน Wi‑Fi Sense การทำงานลักษณะนี้เป็นข้อดีหากมองในด้านความสะดวกแต่ในด้านความปลอดภัยมันคือจุดอ่อนอย่างร้ายแรงเพราะอาจมีแฮกเกอร์ดักข้อมูลรหัสผ่านดังกล่าวได้ และถึงแม้ว่ารหัสผ่านจะถูกเข้ารหัสแต่มีโอกาสที่จะถูกถอดรหัสได้ไม่ยากในปัจจุบัน (อ่านถึงตรงนี้หลายคนคงเริ่มรู้สึกว่า “ชักไม่ค่อยดีแล้ว”)

ความเสี่ยงเกี่ยวรหัสผ่านยังไม่หมดแค่นั้น เนื่องจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่จะตั้งรหัสผ่านทุกระบบเหมือนกัน ดังนั้นถ้าแฮกเกอร์ได้รหัสผ่าน Wi-Fi ฮอตสปอต ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะได้รหัสผ่านของระบบหรือบริการอื่นๆ  เช่น Facebook เป็นต้น ของผู้ใช้คนนั้นได้

นอกจากนี้ Wi‑Fi Sense ยังทำให้เกิดปัญหาการแชร์ Wi‑Fi โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือการแชร์ Wi‑Fi ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ได้อีกด้วย เนื่องจากบน Windows 10 เมื่อคุณเชื่อมต่อกับ Wi-Fi ฮอตสปอตแบบเปิด คุณสามารถเลือก Share network with my contacts เพื่อทำการแชร์ Wi-Fi ให้กับเพื่อนๆ ของคุณได้

รูปที่ 1

วิธีการปิด Wi-Fi Sense บน Windows 10
เนื่องจากไมโครซอฟท์หวังดีอยากให้ผู้ใช้ Windows  10 ออนไลน์ได้สะดวกรวดเร็วจึงเปิดใช้งาน Wi-Fi Sense โดยเริ่มต้น แต่จากกระแสความเห็นที่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยที่อาจทำให้รหัสผ่านหลุดหรือถูกแฮกได้จึงทำให้ผู้ใช้บางคนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจมากนัก และถ้าคุณต้องการปิด Wi-Fi Sense ให้คุณทำตามขั้นตอนดังนี้

!บทความนี้อ้างอิง Windows 10 Version 1511 (November Update) เวอร์ชันพรีวิว

1. คลิก Start หรือกดปุ่ม Windows บนแป้นพิมพ์ จากนั้นคลิก Settings หรือคลิกไอคอน Notification บทแถบงานแล้วคลิก All settings

ทิป: สามารถเปิดหน้า Settings ได้โดยใช้แป้นพิมพ์ลัด Windows + I

รูปที่ 2

2. บนหน้า Settings ให้คลิก Network & Internet

รูปที่ 3

3. บนหน้า Network & Internet ในบานหน้าต่างนำทางด้านซ้ายมือให้คลิก Wi-Fi จากนั้นด้านขวามือให้คลิก Manage Wi-Fi settings

รูปที่ 4

4. บนหน้า Manage Wi-Fi settings ถ้า Wi-Fi Sense  Connect to suggested open hotspots และ Connect to networks shared by my contacts ถูกตั้งค่าเป็น “On” แสดงว่าเครื่องคุณมีการเปิดใช้งาน Wi-Fi Sense ให้คุณทำการปิดโดยเลื่อนให้เป็น “Off” เสร็จแล้วให้ปิด Settings

รูปที่ 5

วิธีการด้านบนเป็นการปิด Wi-Fi Sense ในเครื่องลูกข่าย (เครื่องโน้ตบุ๊คหรือแท็บเล็ต Windows 10) แต่ถ้าคุณต้องการปิดไม่ให้ Wi-Fi ฮอตสปอตของคุณเข้าร่วมกับ Wi-Fi Sense คุณต้องทำการเพิ่ม “_optout” (ไมรวมเครื่องหมายคำพูดนะครับ) เข้ากับชื่อเครือข่าย Wi-Fi หรือ SSID ของคุณ โดยคุณต้องทำบนเราเตอร์ Wi-Fi ตามขั้นตอนที่ไมโครซอฟท์อธิบายไว้ใน คำถามที่ถามบ่อยเกี่ยวกับ Wi-Fi Sense ครับ

สรุป
ข้อดีและข้อเสียของ Wi‑Fi Sense เปรียบได้กับคนละด้านของเหรียญอันเดียวกันซึ่งคุณจะเลือกพิจารณาเพียงด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นถ้าคุณต้องการใช้ Wi‑Fi Sense แนะนำให้ใช้ด้วยความระมัดระวังและใช้ในกรณีจำเป็นที่สุด แต่ถ้าคุณไม่ต้องการใช้ก็ควรปิดการใช้งานไว้จะเป็นการปลอดภัยกว่าครับ

ประวัติการปรับปรุง
12 กุมภาพันธ์ 2560: ปรับปรุงเนื้อหาเพิ่มลิงก์ “วิธีเปิดหรือปิด Wi-Fi Sense บน Windows 10 Version 1607”
6 กันยายน 2558: เผยแพร่ครั้งแรก

How-to Microsoft Operating System Step by Step Tips Tutorials Windows 10
Defini

Related Posts

ทดสอบแอปด้วย Sandbox บน Windows 10 เวอร์ชัน 1903

September 26, 2019

การเปิดหรือปิดการซิงค์ OneDrive บน Windows 10 เมื่อใช้ Metered connection

September 26, 2019

การใช้งาน OneDrive Basic หรือ Personal และ Business บน Windows 10 เครื่องเดียวกัน

September 25, 2019

Comments are closed.

Recent Posts
  • ย้ายตำแหน่ง Windows 11 Taskbar ไปอยู่ด้านซ้ายมือ
  • แก้ไขปัญหาไม่มี New Word Doc เมื่อเมนู Right click
  • รีวิว MAKITA DTD157 ไขควงกระแทกไร้สาย: ตัวเล็ก น้ำหนักเบา ตอบโจทย์งาน DIY
  • การลงทะเบียนสินค้ามากีต้า (Makita) ประเทศไทย
  • Panasonic eneloop (AA) 1.2V 1900 mAh แพงกว่า แล้วคุ้มไหม
Ads
Tags
Android Apps Battery Cloud Download Firefox Google Play How-to Hyper-V Internet Explorer IoT Microsoft MS Office & Office 365 OneDrive Operating System PowerShell Server Core Smartphone Step by Step System Administrator Tips Tutorials Virtualization Virtual Machine Windows 7 8 8.1 Windows 10 Windows Insider Windows Server 2012 Windows Server 2016
บทความล่าสุด
  • ย้ายตำแหน่ง Windows 11 Taskbar ไปอยู่ด้านซ้ายมือ
  • แก้ไขปัญหาไม่มี New Word Doc เมื่อเมนู Right click
  • รีวิว MAKITA DTD157 ไขควงกระแทกไร้สาย: ตัวเล็ก น้ำหนักเบา ตอบโจทย์งาน DIY
  • การลงทะเบียนสินค้ามากีต้า (Makita) ประเทศไทย
  • Panasonic eneloop (AA) 1.2V 1900 mAh แพงกว่า แล้วคุ้มไหม
Facebook X (Twitter) Instagram YouTube
  • Home
  • Articles
  • About
    • Sitemap
  • Privacy Policy
© 2025 SARANITUS. All Rights Reserved.

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.