โพสต์นี้เป็นการแนะนำ OneDrive Files On-Demand ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 10 เวอร์ชัน 1709 (รู้จักในชื่อ Fall Creator Update หรือ FCU) พร้อมวิธีการใช้งานให้ได้ทราบเพื่อเป็นแนวทางในการนำไปใช้งานกันต่อไปครับ
OneDrive Files On-Demand
โดยดีฟอลท์ OneDrive จะทำการเก็บไฟล์ที่สร้างออนไลน์ผ่านทางเว็บ OneDrive และไฟล์ที่อัพโหลดจากอุปกรณ์อื่นเป็นแบบ Online-only คือ เก็บไว้ในระบบคลาวด์ (Cloud) ของไมโครซอฟท์ ซึ่งมีข้อดีคือ ไฟล์เหล่านั้นไม่กินพื้นที่ฮาร์ดดิสก์บนเครื่อง แต่เนื่องจากไฟล์ถูกเก็บอยู่ในระบบคลาวด์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นการเข้าถึงไฟล์เหล่านั้นต้องใช้อินเทอร์เน็ต
ฟีเจอร์ Files On-Demand ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ โดยมันช่วยให้การใช้งานไฟล์และโฟลเดอร์ที่เราเก็บไว้บน OneDrive มีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยเราสามารถกำหนดว่าจะเก็บไฟล์แบบ Online-only หรือแบบ Offline ได้สะดวกและง่ายมากขึ้น และสามารถทำการลบไฟล์ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์บนเครื่องได้รวดเร็วและง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์ของ OneDrive Files On-Demand
ก่อนว่าถึงวิธีการใช้งาน Files On-Demand บน OneDrive ผมขอแนะนำประโยชน์ของฟีเจอร์นี้ให้ได้ทราบกันพอสังเขปก่อนดังนี้
- ประหยัดพื้นที่ฮาร์ดดิสก์บนเครื่อง เนื่องจากสามารถกำหนดให้เก็บไฟล์แบบ Online-only ซึ่งไฟล์จะถูกเก็บอยู่ในระบคลาวด์ของไมโครซอฟท์เท่านั้นได้
- สามารถกำหนดให้เก็บไฟล์และโฟลเดอร์ที่มีความสำคัญไว้บนอุปกรณ์ตลอดเวลาได้ง่ายดาย
- สามารถมองเห็นข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับไฟล์ อย่างเช่น สถานะการแชร์ไฟล์ เป็นต้น
- สนัสบสนุนทัมป์เนลของไฟล์มากกว่า 270 ชนิด ถึงแม้ว่าจะไม่มีโปรแกรมสำหรับใช้เปิดไฟล์เหล่านั้นบนเครื่องก็ตาม
วิธีเปิดใช้ฟีเจอร์ OneDrive Files On-Demand
ผู้ใช้ Windows 10 เวอร์ชัน 1709 หรือใหม่กว่า สามารถตรวจสอบและเปิดใช้ฟีเจอร์ OneDrive Files On-Demand ได้ตามขั้นตอนดังนี้
1. ให้ทำการไซน์อินเข้า OneDrive ให้เรียบร้อย สำหรับขั้นตอนการไซน์อินนั้น สามารถอ่านได้ การใช้งาน OneDrive บน Windows 10
2. คลิกขวาไอคอน OneDrive [1] บน taskbar ของ Windows แล้วคลิก Settings [2]
3. บนหน้า Microsoft OneDrive ให้คลิกแท็บ Settings จากนั้นในหัวข้อ Files On-Demand ให้คลิกเลือก Save space and download files as you use them [3]
กำหนดการใช้งานไฟล์หรือโฟลเดอร์บน OneDrive แบบ Offline หรือแบบ Online-only
หลังจากทำการเปิดใช้ฟีเจอร์ Files On-Demand เราสามารถกำหนดให้ไฟล์หรือโฟลเดอร์สามารถใช้งานแบบ Offline (ไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต) หรือแบบ Online-only (ต้องใช้อินเทอร์เน็ต) ได้โดยคลิกขวาไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่ต้องการจากนั้น
เลือก Always keep on this device ถ้าต้องการให้ไฟล์หรือโฟลเดอร์สามารถใช้งานแบบ Offline
เลือก Free up space ถ้าต้องการให้ไฟล์หรือโฟลเดอร์สามารถใช้งานแบบ Online-only
สถานะของไฟล์ที่เก็บอยู่ใน OneDrive ใน File Explorer
หลังจากทำการเปิดใช้ฟีเจอร์ Files On-Demand ถ้าเราทำการเปิดโฟลเดอร์ OneDrive ด้วย File Explorer และเลือกเมนู View เป็น Details เราจะเห็นไอคอนสถานะของไฟล์แตกต่างกันไปดังนี้
Online-only
สถานะของไฟล์เป็นไอคอนรูป Cloud แสดงว่าไฟล์หรือโฟลเดอร์ดังกล่าวเก็บอยู่บนคลาวด์เท่านั้นซึ่งจะไม่ใช้พื้นที่ฮาร์ดดิสก์บนอุปกรณ์ของเรา และมันจะไม่ถูกดาวน์โหลดจนกว่าเราจะทำการเปิดไฟล์ โดยเราจะไม่สามารถเปิดไฟล์ที่เก็บอยู่บนคลาวด์เท่านั้นได้ถ้าไม่ต่ออินเทอร์เน็ต
ด้านล่างเป็นลักษณะไอคอนรูป Cloud ของไฟล์แบบ Online-only เมื่อเปิดโฟลเดอร์ OneDrive ด้วย File Explorer
เครดิต: Microsoft/OneDrive
Locally available files
เมื่อเราทำการเปิดไฟล์ที่เก็บอยู่บนคลาวด์เท่านั้น ไฟล์จะถูกดาวน์โหลดลงมาเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์บนอุปกรณ์ของเรา (Locally available) จากนั้นเราสามารถทำการเปิดไฟล์นี้ได้ทุกเวลาที่ต้องการแม้ว่าจะไม่ได้ต่ออินเทอร์เน็ตก็ตาม ในกรณีที่ต้องการเพิ่มพื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์ เราสามารถเปลี่ยนไฟล์เหล่านั้นให้กลับไปเป็นแบบเก็บอยู่บนคลาวด์เท่านั้นทำได้โดยการคลิกขวาไฟล์ที่ต้องการเปลี่ยนสถานะแล้วเลือก Free up space
ด้านล่างเป็นลักษณะไอคอนรูป วงกลมที่มีเครื่องหมายถูกอยู่ภายใน ของไฟล์แบบ Locally available เมื่อเปิดโฟลเดอร์ OneDrive ด้วย File Explorer
เครดิต: Microsoft/OneDrive
Always available files
ถ้าเราทำการสถานะของไฟล์เป็น Always keep on this device ไฟล์เหล่านั้นจะถูกดาวน์โหลดลงมาเก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์บนอุปกรณ์ของเราแบบถาวร ทำให้เราสามารถใช้งานไฟล์นี้ได้ทุกเวลาที่ต้องการแม้ว่าจะไม่ได้ต่ออินเทอร์เน็ตก็ตาม แต่มีข้อเสียคือเปลืองพื้นที่ฮาร์ดดิสก์
ด้านล่างเป็นลักษณะไอคอนรูป วงกลมพื้นหลังสีเขียวและมีเครื่องหมายถูกอยู่ภายใน ของไฟล์แบบ Always available เมื่อเปิดโฟลเดอร์ OneDrive ด้วย File Explorer
เครดิต: Microsoft/OneDrive
สรุป
ฟีเจอร์ Files On-Demand ช่วยประหยัดพื้นที่ฮาร์ดดิสก์เพราะสามารถกำหนดให้เก็บไฟล์แบบ Online-only ไว้บนระบบคลาวด์ของไมโครซอฟท์ได้ สำหรับไฟล์ที่มีความสำคัญสามารถกำหนดเป็นไฟล์แบบ Always available เพื่อให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มพื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์บนเครื่องได้ง่ายยิ่งขึ้นเพียงแค่คลิกขวาไฟล์ที่ต้องการแล้วเลือก Free up space (ไฟล์ดังกล่าวจะเป็นแบบ Online-only)
ข้อควรทราบ
การตั้งค่า Files On-Demand นั้นมีผลเฉพาะกับอุปกรณ์ตัวนั้นๆ ในกรณีเรามีอุปกรณ์หลายตัวเราจะต้องทำการเปิดใช้งาน Files On-Demand บนอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานทุกตัว
แหล่งอ้างอิง
Microsoft
ประวัติการปรับปรุงบทความ
25 มีนาคม 2561: เผยแพร่ครั้งแรก