โพสต์นี้แตกประเด็นมาจากเรื่องสว่านกระแทกไร้สาย DHP486 เพื่อใช้ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านและใช้ในงาน DIY แต่หลังจากใช้แล้วมันไม่ตอบโจทย์เรื่องการขันสกรู ทำให้ต้องถอยไขควงกระแทกไร้สายเพิ่มอีกหนึ่งตัว ซึ่งก็คือรุ่น DTD157 ของมากีต้า (Makita) โดยหลังจากได้ใช้งานมาประมาณ 4-5 เดือน จึงนำเรื่องที่ประทับใจและประเด็นที่เป็นข้อสังเกตมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นแนวทางการเลือกซื้อไขควงกระแทกไร้สายครับ
MAKITA DTD157 ไขควงกระแทกไร้สาย 18V
DTD157 จัดเป็นไขควงกระแทกไร้สายกลุ่ม Sub-compact ของไขควงกระแทกไร้สายระบบ 18V ของมากีต้า เป็นรุ่นที่มีแรงบิด (Torque) กลาง ๆ โดยมีคุณลักษณะเด่น ดังนี้:
- Impact Power Selection: มีโหมดการทำงาน 3 โหมด คือ A (Assist mode) / Hard (H) / Soft (S) โดยโหมด A เป็นโหมดช่วยขันสกรู ด้วยการทำงานที่ความเร็วต่ำตอนเริ่มขันแล้วจะเร่งความเร็วโดยอัตโนมัติขึ้นเพื่อขันสกรูให้แน่น โหมด A ช่วยป้องกันปัญหาสกรูกระเด็นหรือตกในขณะเริ่มขัน สามารถใช้ได้ดีกับการขันสกรูทุกขนาดโดยเฉพาะการขันสกรูขนาดยาวมาก ๆ
- Brushless Motor: มอเตอร์แบบไร้แปรงถ่าน ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงกว่า เกิดความร้อนน้อย ทำให้ตัวเครื่องไม่ร้อน ประหยัดแบตเตอรี่ และอายุการใช้งานยาวกว่ามอเตอร์แบบใช้แปรงถ่าน
- Electronic Brake: มีระบบหยุดการทำงานแบบอิเล็คทรอนิกส์ซึ่งมอเตอร์จะหยุดการทำงานทันทีที่ปล่อยการกดสวิตช์
- Twin LED: ไฟ LED คู่พร้อมฟังก์ชั่น Preglow และ Afterglow ให้ความสว่างมากขึ้น เพิ่มความสะดวกในการทำงานในพื้นที่แสงสว่างน้อย
- Extreme Protection Technology (XPT): เทคโนโลยีการป้องกันน้ำและฝุ่นเข้าในตัวเครื่องมือ โดย XPT คือ ซีลป้องกันภายในตัวเครื่องมือมีลักษณะเป็นร่องซึ่งออกแบบมาเพื่อต้านทานน้ำและฝุ่น โดยมันจะระบายน้ำและฝุ่นออกจากส่วนประกอบที่สำคัญภายในเครื่องมือ ช่วยปกป้องเครื่องมือจากความชื้น ละอองน้ำ หรือฝุ่น เมื่อใช้งานในพื้นที่สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
คุณลักษณะทางเทคนิค
- ความจุรองรับการขันสกรู:
- สกรูปลายทื่อ: M4 – M8 (5/32″ – 5/16″)
- โบลท์มาตรฐาน: M5 – M14 (3/16 – 9/16″)
- โบลท์ความแข็งแรงสูง: M5 – M12 (3/16″ – 1/2″)
- สกรูเกลียวหยาบ (ความยาว): 22 – 90 มม. (7/8” – 3-1 / 2”)
- ก้านหกเหลี่ยม: 6.35 มม. (1/4″)
- ความเร็วรอบขณะเดินเครื่องเปล่า (rpm): Hard/Soft: 0-3,000/0-1,300
- การกระแทกต่อนาที (IPM): Hard/Soft: 0-3,900/0-1,600
- แรงบิดสูงสุดในการขัน: 140 Nm
อุปกรณ์มาตรฐาน
DTD157Z มีตัวเครื่องกับคลิปหนีบเข็มขัด (ไม่รวมแบตเตอรี่และเครื่องชาร์จ)
การรับประกัน
รับประกันคุณภาพ 1 ปี โดยลงทะเบียนได้ที่ mymakita.in.th
การใช้งาน MAKITA DTD157
หลังจากได้ใช้งาน DTD157 ในการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านและทำงาน DIY มาได้ 4-5 เดือน มีผลการทำงานตามรายละเอียดด้านล่าง ขออนุญาตโน้ตไว้ ณ ตรงนี้ว่า “เป็นการวัดจากความรู้สึกล้วน ๆ ใช้วิจารณญาณในการดูข้อมูลและไม่แนะนำให้ใช้อ้างอิงใดใด” นะครับ
- ขันสกรูเข้าไม้เนื้ออ่อน: จากการใช้โหมด A ขันสกรูเกลียวปล่อยหัวแบน (Flat) เบอร์ 7 ยาว 1-1/4 นิ้ว เข้าไม้ยางพารา และไม้ยูคาลิปตัส ขันสกรูเข้าได้จมพอดี โดยแทบไม่ต้องออกแรงกด สำหรับการขันสกรูเกลียวปล่อยหัวแบนเบอร์ 7 ยาว 2-1/2 นิ้ว เข้าไม้ยูคาลิปตัส ก็ทำได้ง่ายโดยที่ออกแรงกดไม่มาก
- ขันสกรูเข้าพุกพลาสติก: จากการใช้โหมด A และ S ขันสกรูเกลียวปล่อยหัวแบน (Flat) เบอร์ 6 ยาว 1 นิ้ว เพื่อยึดกล่องลอยพลาสติกกับพุกพลาสติกเบอร์ 6 ขันสกรูเข้าได้จมพอดี โดยแทบไม่ต้องออกแรงกด สำหรับการขันสกรูเกลียวปล่อยหัวแบนเบอร์ 7 ยาว 1 นิ้ว เพื่อยึดกล่องลอยพลาสติกกับพุกพลาสติกเบอร์ 7 ก็ทำได้ง่ายโดยที่ออกแรงกดไม่มาก ทั้ง 2 โหมดทำงานได้โดยไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง
- ขันสกรูเข้าเหล็ก: จากการใช้โหมด A ขันสกรูปลายสว่านเบอร์ 8 ยาว 3/4 นิ้ว เข้าท่อเหล็กหนาประมาณ 1.5 มม. ขันได้โดยสกรูไม่กระเด็นตกและขันเข้าได้สุดโดยออกแรงกดเพียงเล็กน้อย
- ขันสกรูเข้ากล่องพลาสติก: จากการใช้โหมด A ขันสกรูเกลียวปล่อยหัวแบน (Flat) เบอร์ 7 ยาว 1-1/4 นิ้ว ยึดกล้อง CCTV เข้ากล่องลอยพลาสติก และซ่อมพัดลมตั้งพื้น สามารถขันได้ไม่มีปัญหา แต่มีข้อต้องระวังคือ ต้องควบคุมการกดสวิตช์ให้เหมาะสม อย่าเผลอกดสวิตช์แรงเกินไป เพราะอาจทำให้พลาสติกแตกได้
- การเจาะไม้: จากการใช้โหมด A เจาะไม้ยางพารา และไม้ยูคาลิปตัส ด้วยดอกสว่านใบพาย สามารถเจาะได้ไม่มีปัญหาแต่จะรู้สึกสั่นสะท้านมือมากกว่าการเจาะด้วย DHP486
- การเจาะผนังอิฐมวลเบา: จากการใช้โหมด A เจาะผนังอิฐมวลเบาด้วยดอก Bosch Expert-9 ขนาด 6 มม. โดยเจาะนำด้วยดอกสว่านขนาด 3 มม. การเจาะมีความนิ่มมือมากแทบไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะท้านเลย
ความคิดเห็นต่อไขควงกระแทกไร้สาย DTD157
ความประทับใจต่อ DTD157:
- น้ำหนักเบาทำให้ลดความเมื่อยล้าเมื่อใช้งานติดต่อเป็นระยะเวลานาน และพกพาขึ้นไปใช้งานบนที่สูงได้สะดวก
- ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดทำให้การขันสกรูในพื้นที่แคบทำได้สะดวก
- สามารถควบคุมการทำงานได้ง่าย สวิตช์ควบคุมการทำงานตอบสนองต่อการกดได้ดี
- โหมด A (Assist mode) เป็นโหมดสำหรับช่วยขันสกรู โดยเฉพาะ โดยการทำงานที่ความเร็วต่ำตอนเริ่มไขเพื่อป้องกันสกรูตก เมื่อสกรูมั่นคงแล้วจะเร่งความเร็วโดยอัตโนัมิตขึ้นเพื่อขันสกรู ให้แน่น
- เครื่องหยุดทำงานทันทีที่ปล่อยสวิตช์
- ไม่มีปัญหาเรื่องความร้อน แม้จะใช้ขันสกรูติดต่อกันเป็นเวลานาน
- ไฟ LED 2 ดวง ให้แสงสว่างเพียงพอเมื่อทำงานในพื้นที่แสงน้อย
- ด้ามจับนุ่ม จับได้ถนัดและสบายมือ ไม่ลื่น ไม่ซับเหงื่อ
- ประหยัดแบตเตอรี่ คิดว่าด้วยความที่เป็นมอเตอร์ไร้แปรงถ่าน และคอเป็นแบบลูกปืนคู่ทำให้ DTD157 มีประสิทธิภาพการทำงานสูง และยังมีแรงเสียดทานน้อยแม้จะกดท้ายเครื่องด้วยแรงที่มากก็ตามทำให้การส่งแรงมีประสิทธิภาพมากกว่า ส่งผลให้กินแบตเตอร์รี่น้อย
ข้อสังเกตของ DTD157
ด้านล่างนี้เป็นประเด็นที่ไม่ค่อยประทับใจเกี่ยวกับ DTD157:
- เสียงทำงานค่อนข้างดัง โดยเฉพาะตอนขันสกรูใกล้จม
- หัวจับดอกไขควงยังเป็นแบบธรรมดา ทำให้การใส่ดอกไขควง/ดอกสว่านไม่สะดวกเท่าที่ควร เนื่องจากต้องดึงปลอกก่อนจึงใส่ดอกไขควงได้
- ออปชันน้อย เมื่อเทียบกับ DTD171, DTD172 หรือ DTD173 แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปและงาน DIY ข้อนี้ไม่เป็นปัญหากับผมเพราะผมใช้งานโหมด A (Assist mode) เป็นหลัก
- ข้อนี้เป็นกับไขควงกระแทกไร้สายที่ใช้หัวจับหกเหลี่ยม 1/4 นิ้ว (6.35 มม.) ทุกยี่ห้อ โดยทั่วไปแล้วดอกสว่านก้านหกเหลี่ยมมีราคาแพงกว่าดอกสว่านก้านกลม 2-3 เท่า
- ถึงจะมีแรงบิดระดับกลางแต่ก็แรงไปสำหรับการขันสกรูเข้าพลาสติก
สรุปการใช้งาน DTD157
DTD157 เป็นไขควงกระแทกไร้สายที่มีแรงบิดกลาง ๆ ซึ่งเพียงพอและเหมาะสำหรับการใช้งาน DIY งานปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน เช่น งานขันสกรูเกลียวปล่อยซึ่งนิยมใช้ในบ้านเราเข้าไม้ เหล็ก พุกพลาสติก
สำหรับการใช้งานประกอบเฟอร์นิเจอร์หรืองานขันสกรูเข้าอุปกรณ์ที่เป็นพลาสติก เช่น งานซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือของเล่นที่เป็นพลาสติก สามารถใช้งานได้แต่ต้องควบคุมการกดสวิตช์ให้เหมาะสม เพราะหากกดสวิตช์แรงไปจะทำให้พลาสติกแตกเสียหายได้
สำหรับงานหนัก เช่น งานขันสกรูหลังคาเมทัลชีท การขันสกรูขนาดใหญ่หรือยาว DTD157 ก็พอทำได้นะครับ แต่ถ้าต้องทำในจำนวนมาก ทำเป็นประจำ หรือทำเป็นอาชีพ เช่น งานรับเหมา แนะนำให้ใช้รุ่นใหญ่ขึ้นจะเหมาะสมและทำงานได้เร็วกว่า ซึ่งมากีต้าก็มีไขควงกระแทกไร้สายรุ่นงานหนักให้เลือกใช้หลายรุ่น ซีรี่ย์ 18V เช่น DTD171, DTD172 หรือ DTD173 ซีรี่ย์ 40V เช่น TD001G เป็นต้น
งานเจาะ
ไขควงกระแทกไร้สายเป็นเครื่องมือที่สร้างขึ้นมาสำหรับงานขันสกรูเป็นหลัก สำหรับงานเจาะไม้ เหล็ก ปูน ก็สามารถทำได้แต่ประสิทธิภาพอาจไม่ดีเท่าการใช้สว่าน เนื่องจากดอกสว่านจะมีการแกว่งกว่ามากกว่า และที่สำคัญดอกสว่านสำหรับไขควงกระแทกจะเป็นแบบก้านหกเหลี่ยมซึ่งมีราคาแพงกว่าดอกสว่านก้านกลม และหากใช้เจาะเยอะจะทำให้เกิดความสึกหรอมากขึ้นส่งผลให้อายุใช้งานลดลง
ดังนั้นหากจะใช้เจาะเป็นครั้งคราวก็พอได้ แต่ถ้าจะใช้ทำการเจาะเป็นหลักแนะนำให้ใช้สว่านจะเหมาะสมกว่า โดยกรณีที่จำเป็นต้องใช้เจาะแนะนำให้ใช้ดอกสว่านที่มีคุณภาพ (แบรนด์ดัง ๆ) เพราะหากใช้ดอกสว่านคุณภาพต่ำอาจทำให้ดอกสว่านติดและงานเข้าได้ และที่สำคัญควรทำการเจาะนำด้วยดอกสว่านขนาดเล็ก 3-4 มม. ก่อนแล้วจึงเจาะด้วยขนาด 5 มม. หรือใหญ่กว่า
สรุป
DTD157 ตอบโจทย์คนที่อยากได้ไขควงกระแทกไร้สายแรงบิดระดับกลาง ขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบา และมีความคุ้มค่า (โดยเฉพาะกับคนที่มีแบตเตอรี่และแท่นชาร์จระบบ 18V ของมากีต้าอยู่แล้ว) สำหรับใช้งานปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน และใช้ในงาน DIY
สำหรับท่านที่กำลังพิจารณาซื้อไขควงกระแทกไร้สายสำหรับใช้งานสักตัว ในตลาดนั้นมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ แต่ละยี่ห้อก็มีข้อเด่น ข้อด้อยแตกต่างกันออกไป รุ่นที่แรงบิดสูง ๆ ไม่ได้หมายความว่ามันจะเหมาะกับทุกงาน รุ่นที่มีออปชันเยอะกว่าไม่ได้แปลว่ามันใช้งานคุ้มกว่ารุ่นออปชันน้อย รุ่นที่ใหม่กว่าไม่ได้รับประกันว่ามันใช้งานดีกว่ารุ่นเก่ากว่า ดังนั้นแนะนำว่าให้เลือกรุ่นที่เหมาะสมกับงานที่จะนำไปใช้งานและงบประมาณ รวมถึงความชื่นชอบส่วนตัว แล้วท่านจะได้อุปกรณ์ที่ถูกงานและถูกใจ
ถ้าใครสนใจไขควงกระแทกไร้สายรุ่นนี้ ผมไม่มีขายนะครับ เข้าไปค้นหาในแอปชอปปิ้งออนไลน์กันได้ เครื่องเปล่า DTD157Z ราคาประมาณ 3,2xx – 3,3xx บาท และถ้าหากเป็นการซื้อเครื่องมือไร้สายมากีต้า 18V ตัวแรก จะต้องซื้อแท่นชาร์จแบตเตอรี่รุ่นชาร์จเร็ว DC18R ราคาประมาณ 1,5xx – 1,8xx บาท (ไม่แนะนำให้ใช้รุ่นชาร์จช้าครับ) แบตเตอรี่ 18V 1.5Ah BL1815 ราคาประมาณ 1,2xx – 1,3xx บาท แบตเตอรี่ 18V 3Ah BL1830 ราคาประมาณ 1,7xx – 1,8xx บาท แบตเตอรี่ 18V 5Ah BL1850 ราคาประมาณ 2,3xx – 2,5xx บาท ราคาดังกล่าวนี้ยังไม่หักส่วนลดจากโปรลดราคาและไม่รวมค่าขนส่งสำหรับการซื้อออนไลน์นะครับ (บางครั้งทางร้านจะมีการขายเป็นชุด ซึ่งราคาอาจถูกกว่าการซื้อแยกเป็นชิ้น)