จากประสบการณ์การซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สาย สำหรับเอาไว้ซ่อมแซมปรับปรุงบ้านและใช้งาน DIY พบว่าการเลือกซื้อเครื่องมือสองอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยเฉพาะกับคนทั่วไปที่ไม่ใช่สายช่างมืออาชีพ เนื่องจากมีเรื่องที่ต้องพิจารณาหลายอย่างด้วยกัน จึงคิดว่าถ้ารวบรวมสิ่งที่ผมพิจารณาในการซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สายเป็นบทความ น่าจะมีประโยชน์และให้ข้อคิดแก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย
ตั้งใจจะเขียนเป็นโพสต์สั้น ๆ แต่กลายเป็นยาว ใครไม่สะดวกอ่านยาว ๆ สรุปให้ตามนี้ครับ
สรุป: การเลือกซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สาย
1. กำหนดวัตถุประสงค์
ต้องรู้ว่าจะซื้อเครื่องมือไปใช้ในงานอะไร เพื่อจำกัดขอบเขตเครื่องมือให้แคบลง ทำให้เลือกซื้อได้ง่ายขึ้นและได้เครื่องมือที่เหมาะสมกับงาน
– ใช้งานเจาะเป็นหลัก: เลือกสว่านไร้สาย
– เจาะไม้และเหล็ก: สว่านไร้สายแบบไม่มีโหมดกระแทก
– เจาะปูนหรือผนังอิฐ: สว่านไร้สายแบบมีโหมดกระแทกหรือสว่านโรตารีไร้สาย
– เจาะปูนแข็ง: สว่านโรตารีไร้สายแบบ 2 หรือ 3 โหมด
– ใช้งานขันสกรูเป็นหลัก: เลือกไขควงไร้สาย
– ขันสกรูทั่วไป: ไขควงครัชไร้สายหรือไขควงติดตั้งไร้สาย
– งาน DIY: ไขควงครัชไร้สายหรือไขควงกระแทกไร้สายแรงบิดปานกลาง
– งานมืออาชีพ: ไขควงไร้สายแรงบิดสูง
– ใช้งานทั้งเจาะและขันสกรู: เลือกสว่านกระแทกไร้สาย
2. กำหนดงบประมาณ
งบประมาณจะช่วยจำกัดตัวเลือกเครื่องมือที่จะซื้อให้แคบลง ทำให้เลือกซื้อได้ง่ายขึ้น
3. ศึกษาข้อมูลทางเทคนิคของเครื่องมือที่จะซื้อ
– ระบบแรงดันไฟฟ้า: เลือกตามการใช้งานและงบประมาณ
– 12V และต่ำกว่า: งานทั่วไปและ DIY
– 18-20V: งานทั่วไปจนถึงมืออาชีพ
– สูงกว่า 20V: งานมืออาชีพ
– มอเตอร์: เลือกตามงบประมาณ
– มอเตอร์แบบใช้แปรงถ่าน: ราคาถูก แต่มีการเสียดสีและต้องเปลี่ยนแปรงถ่าน
– มอเตอร์แบบไร้แปรงถ่าน: ประสิทธิภาพสูงกว่า อายุการใช้งานยาวนานกว่า แต่ราคาแพงกว่า
– แบตเตอรี่และแท่นชาร์จ: เลือกตามความต้องการใช้งานและงบประมาณ
4. ซื้อเครื่องเปล่าหรือแบบชุดพร้อมใช้
– เครื่องเปล่า: เหมาะสำหรับคนที่มีแบตเตอรี่และแท่นชาร์จอยู่แล้ว
– ชุดพร้อมใช้: เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่มีแบตเตอรี่และแท่นชาร์จ
5. การรับประกันคุณภาพและการเคลม
เลือกยี่ห้อที่มีการรับประกันคุณภาพและมีศูนย์ซ่อมใกล้บ้าน
6. เลือกยี่ห้อเลือกรุ่น
เลือกรุ่นที่ตรงกับเงื่อนไขด้านบน และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ
7. วางแผนรองรับการใช้งานอนาคต
วางแผนการใช้งานแบตเตอรี่ในอนาคต เพื่อไม่ต้องลงทุนกับแบตเตอรี่หรือแท่นชาร์จเพิ่ม
8. ซื้อออฟไลน์หรือออนไลน์
– ออฟไลน์: ได้เห็นตัวเครื่องมือจริงและทดลองใช้งาน แต่ราคาอาจสูงกว่า
– ออนไลน์: ราคาถูกกว่า แต่ต้องลุ้นว่าจะได้ของตรงปกหรือไม่
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สาย
หมายเหตุ: ต้องออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องมือไร้สาย โพสต์นี้เขียนจากประสบการณ์ล้วน ๆ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ และโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล ข้อไหนดีมีประโยชน์ก็นำไปใช้ตามเห็นควร สำหรับข้อไหนคิดว่าไม่น่าใช่ก็ข้ามไปครับ
ก็อย่างที่ทราบกันว่า สว่านไร้สายและไขควงไร้สายมีข้อดีกว่าแบบมีสายในหลายด้าน เช่น ใช้งานสะดวกสบายกว่า การพกพาสะดวกกว่า สามารถใช้งานในสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้าได้ ส่วนด้านที่เป็นข้อด้อยนั้น โดยทั่วไปแล้วสว่านไร้สายและไขควงไร้สายมีราคาสูงกว่าแบบมีสายในรุ่นที่เทียบเท่ากัน
สำหรับการซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สายนั้น ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อให้ได้เครื่องมือที่เหมาะสมกับงาน ราคาที่สมเหตุสมผล และหากซื้อเครื่องมือไร้สายเพิ่มในอนาคตจะได้ไม่ต้องลงทุนกับแบตเตอรี่เพิ่มเติม
การซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สายมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาดังนี้
0. ถ้าหากมีงบประมาณไม่จำกัด ชอบตัวไหน รุ่นไหน ยี่ห้อไหน ซื้อโลด ครับ
1. วัตถุประสงค์การซื้อเครื่องมือไร้สาย
ปัจจัยแรกคือต้องรู้ว่าจะซื้อเครื่องมือไร้สายไปใช้ในงานเกี่ยวกับอะไร เพื่อจำกัดขอบเขตเครื่องมือให้แคบลง ทำให้เลือกซื้อได้ง่ายขึ้นและได้เครื่องมือที่ตรงและเหมาะสมกับงาน
1.1 ใช้งานเจาะเป็นหลัก
ถ้าต้องการเครื่องมือสำหรับใช้งานเจาะเป็นหลัก เครื่องมือที่เหมาะสมคือสว่านไร้สาย โดยมีสิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมตามประเภทของการเจาะ ดังต่อไปนี้
1.1.1 ถ้าจะใช้งานเจาะไม้กับเหล็กเป็นหลัก เครื่องมือที่เหมาะสมคือสว่านไร้สายแบบไม่มีโหมดกระแทก
1.1.2 ถ้าจะใช้งานเจาะปูนหรือผนังอิฐมวลเบาหรืออิฐมอญ เป็นหลัก เครื่องมือที่เหมาะสมคือสว่านไร้สายแบบมีโหมดกระแทก (หรือที่เรียกว่าสว่านกระแทกไร้สาย) หรือสว่านโรตารีไร้สาย
1.1.3 ถ้าหากจะใช้เจาะปูนที่มีความแข็งสูง เช่น ผนังพรีคาส เสาปูนหล่อ คานปูน เป็นหลัก เครื่องมือที่เหมาะสมคือสว่านโรตารีไร้สาย ซึ่งแยกย่อยลงไปอีก 2 แบบ คือ แบบ 2 โหมด คือ เจาะและเจาะกระแทก และ แบบ 3 โหมด คือ เจาะ เจาะกระแทก และสกัด
1.1.4 ความสามารถในการเจาะ: ต้องทราบขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุดที่(คาดว่า)จะใช้งาน เช่น ต้องการเจาะไม้ขนาด 50mm เจาะเหล็กขนาด 15mm เจาะปูนขนาด 13mm เป็นต้น เพื่อใช้
ข้อควรทราบ: การเลือกซื้อสว่านนั้นจะต้องศึกษาเกี่ยวกับชนิดดอกสว่านที่จะใช้งานด้วยเพื่อจะได้ซื้อได้ถูกต้อง โดยสว่านไร้สายจะใช้ดอกสว่านแบบก้านกลม ขนาดก้านตั้งแต่ 1.5-10mm หรือ 1.5-13mm แล้วแต่รุ่นของสว่าน และก้านหกเหลี่ยมซึ่งมีขนาดมาตรฐาน 6.35 มม. (1/4 นิ้ว) ส่วนสว่านโรตารีไร้สายจะใช้ดอกสว่านแบบ SDS Plus หรือ SDS MAX แล้วแต่รุ่นของสว่าน
1.2 ใช้งานขันสกรูเป็นหลัก
ถ้าต้องการเครื่องมือสำหรับใช้งานขันสกรูเป็นหลัก เครื่องมือที่เหมาะสมคือไขควงไร้สาย โดยมีสิ่งที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้
1.2.1 ถ้าจะใช้งานขันสกรูทั่วไป เช่น ขันสกรูเข้าพลาสติก ประกอบเฟอร์นิเจอร์ ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านหรือของเล่น เครื่องมือที่เหมาะสมคือไขควงครัชไร้สาย ไขควงติดตั้งไร้สาย หรือที่เรียกว่าไขควงไร้สาย
1.2.2 ถ้าจะใช้งานปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน งาน DIY เช่น ขันสกรูยึดกล่องลอยพลาสติกกับพุกพลาสติก การขันสกรูเข้าไม้เนื้ออ่อน เครื่องมือที่เหมาะสมคือ ไขควงครัชไร้สาย ไขควงติดตั้งไร้สาย ไขควงกระแทกไร้สายแรงบิดปานกลาง
1.2.3 ถ้าจะใช้งานระดับมืออาชีพ เช่น รับเหมาติดตั้งหลังคาเมทัลชีท รับเหมาติดตั้งระบบโซลาร์เซล เครื่องมือที่เหมาะสมไขควงไร้สายแรงบิดสูงเพื่อการทำงานที่รวดเร็ว
ข้อควรทราบ: การเลือกซื้อไขควงไร้สายจะต้องศึกษาเกี่ยวกับชนิดดอกไขควงเพื่อจะได้ซื้อได้ถูกต้อง โดยไขควงไร้สายจะใช้ดอกแบบก้านหกเหลี่ยมขนาด 6.35 มม. (1/4 นิ้ว) โดยบางรุ่นจะใช้ได้กับดอกไขควงแบบท้ายสั้นและยาว ส่วนบางรุ่นจะใช้ได้กับดอกไขควงแบบท้ายสั้นอย่างเดียว สำหรับไขควงไร้สายที่มีระบบกระแทกให้ใช้ดอกไขควงที่รองรับการกระแทกด้วย ซึ่งสังเกตได้จากรุ่มที่ระบุว่า Impact ready
1.3 ใช้งานทั้งเจาะและขันสกรู
ปัญหาที่หลายคนรวมถึงผมพบในการซื้อเครื่องมือไร้สายคือ อยากได้เครื่องมือตัวเดียวที่ใช้งานครอบคลุมงานเจาะไม้ เจาะเหล็ก เจาะปูน เจาะผนังอิฐ เจาะผนังพรีคาส/เสาปูน และใช้ขันสกรูได้ด้วย ซึ่งจะหาเครื่องมือตัวเดียวที่เหมาะกับงานทุกอย่างที่กล่าวมานั้นไม่มี โดยเครื่องมือที่ใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นสว่านกระแทกไร้สาย
ดังนั้นหากต้องซื้อเครื่องมือเพียงตัวเดียวแนะนำให้ซื้อสว่านกระแทกไร้สาย แต่ขอแจ้งเพื่อทราบไว้ตรงนี้ว่า ต่อให้เป็นสว่านกระแทกไร้สายตัวท็อป หากนำไปใช้เจาะผนังพรีคาส เสาปูนหล่อ คานปูน จำนวนมาก ๆ มีเหนื่อยทีเดียวครับ
1.4 สำหรับการซื้อไว้เป็นของสะสมเพื่อความสุขทางจิตใจ เคสนี้เลือกซื้อเครื่องมือไร้สายได้ตามความชื่นชอบ ชอบตัวไหน รุ่นไหน ยี่ห้อไหน ซื้อโลด ครับ
2. กำหนดงบประมาณ
เมื่อรู้แล้วว่าจะซื้อเครื่องมืออะไร ขั้นตอนต่อไปคือการกำหนดงบประมาณ โดยงบประมาณจะช่วยจำกัดตัวเลือกเครื่องมือที่จะซื้อให้แคบลงทำให้เลือกซื้อได้ง่ายขึ้น
คนที่งบประมาณกลาง ๆ และอยากได้ของที่เป็นแบรนด์ออริจินัลเพื่อใช้งานกันยาว ๆ อาจจะพิจารณาเครื่องมือยี่ห้อ มากีต้า สแตนลีย์ ดีวอลท์ บอชส์ มิววอลคีย์ และอีกหลายยี่ห้อที่ไม่ได้กล่าวถึง ส่วนคนที่งบประมาณจำกัด ก็เลือกซื้อยี่ห้อจีนที่มีราคาย่อมเยากว่า แต่ต้องดูละเอียดนิดนึงเพราะมีของคุณภาพต่ำหรือของปลอมเยอะมากโดยเฉพาะการซื้อจากออนไลน์
สำหรับคนที่มีงบไม่จำกัดเลือกได้ตามความสะดวกครับ (โดยส่วนตัวหากไม่ติดเรื่องงบจะจัดสว่านกระแทกไร้สาย Festool มาลองสักเครื่องจะได้รู้เสียทีว่ามันยอยเยี่ยมตามคำร่ำลือไหม)
3. ระบบแรงดันไฟฟ้า
ปัจจัยต่อมาที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องมือไร้สายคือแรงดันไฟฟ้า ซึ่งในตลาดสว่านไร้สายและไขควงไร้สายนั้นมีหลากหลายมาก สำหรับแบรนด์แท้ต้นฉบับสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
ระบบแรงดันไฟฟ้า 12V และต่ำกว่า สว่านไร้สายและไขควงไร้สายกลุ่มนี้เหมาะกับการใช้งานทั่วไป งานปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน งาน DIY โดยทั่วไปราคารวมแบตเตอรี่และแท่นชาร์จจะถูกกว่าเครื่องมือระบบ 18-20V และ 40V
ระบบแรงดันไฟฟ้า 18-20V สว่านไร้สายและไขควงไร้สายกลุ่มนี้เหมาะกับการใช้งานทั่วไป งานปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน งาน DIY จนถึงงานระดับมืออาชีพ โดยทั่วไปราคารวมแบตเตอรี่และแท่นชาร์จจะสูงกว่า เครื่องมือระบบ 12V แต่จะถูกว่าระบบที่สูงกว่า 20V
ระบบแรงดันไฟฟ้าสูงกว่า 20V สว่านไร้สายและไขควงไร้สายกลุ่มนี้เหมาะกับการใช้งานปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน งาน DIY จนถึงงานระดับมืออาชีพ โดยทั่วไปจะมีราคาสูงที่สุด
การเลือกระบบแรงดันไฟฟ้านั้น ต้องพิจารณาวัตถุงานที่จะนำไปใช้งาน งบประมาณ และแผนการซื้อครื่องมือไร้สายในอนาคต เพื่อจะได้ไม่ต้องลงทุนกับแบตเตอรี่หรือแท่นชาร์จเพิ่ม
4. มอเตอร์
อีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อสว่านไร้สายหรือคือมอเตอร์ ซึ่งโดยทั่วไปมอเตอร์ที่ใช้ในสว่านไร้สายและไขควงไร้สายมีสองประเภทด้วยกันคือมอเตอร์แบบใช้แปรงถ่าน (Brushed motor) และมอเตอร์แบบไร้แปรงถ่าน (Brushless motor)
มอเตอร์แบบใช้แปรงถ่าน
– มีแปรงถ่านจึงมีการเสียดสี ทำให้ไม่มีความเสียดทาน ส่งผลให้เกิดความร้อนในการทำงาน
– มีการสูญเสียแรงดัน (Voltage drop) ที่แปรงถ่าน ทำให้กินไฟมากกว่า มีประสิทธิภาพการทำงานต่ำกว่า และมีกำลังต่ำกว่า
– อาจเกิดสะเก็ดไฟขณะใช้งาน
– ต้องเปลี่ยนแปลงถ่านทุก 2-3 ปี กรณีใช้งานหนักมากอาจต้องเปลี่ยนแปลงถ่านทุกปี
– อายุการใช้งานน้อยกว่ามอเตอร์แบบไร้แปรงถ่าน
– ไม่ต้องใช้ตัวควบคุมความเร็ว ESC (Electronics Speed Controller) ในการทำงาน
– ราคาถูก
มอเตอร์แบบไร้แปรงถ่าน
– ไม่มีแปรงถ่านจึงไม่มีการเสียดสี ทำให้ไม่มีความเสียดทาน จึงไม่เกิดความร้อนในการทำงาน
– ไม่มีการสูญเสียแรงดัน (Voltage drop) ที่แปรงถ่าน ทำให้กินไฟน้อยกว่า มีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่า และมีกำลังสูงกว่า
– ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงถ่าน
– ไม่เกิดสะเก็ดไฟขณะใช้งาน
– อายุการใช้งานยาวนานกว่ามอเตอร์แบบใช้แปรงถ่าน
– ต้องใช้ตัวควบคุมความเร็ว ESC (Electronics Speed Controller) ในการทำงาน
– ราคาแพง
การเลือกมอเตอร์สว่านไร้สายหรือไขควงไร้สายนั้นขึ้นกับงบประมาณเป็นหลัก ถ้างบพอแนะนำให้เลือกมอเตอร์แบบไร้แปรงถ่านครับ
5. แบตเตอรี่และแท่นชาร์ท
กรณีซื้อเครื่องมือไร้สายแบบชุดพร้อมใช้จะไม่ต้องพิจารณาในประเด็นนี้ แต่ถ้าซื้อเครื่องมือไร้สายแบบตัวเปล่ามา และต้องการซื้อแบตเตอรี่และแท่นชาร์ทเพื่อใช้งานร่วมกัน เนื่องจากแต่ละแบรนด์จะมีแบตเตอรี่ให้เลือกใช้งานหลายรุ่นหลายความจุ (แบตเตอรี่ที่มีความจุ ราคาจะสูงกว่า และน้ำหนักมากกว่า) ดังนั้นต้องศึกษาข้อมูลให้ดีว่าตรงกับวัตถุประสงค์การใช้งาน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานกับเครื่องมือไร้สายซื้อมาได้
สำหรับการเลือกแบตเตอรี่นั้นไม่มีกฏเกณฑ์ที่แน่นอน ขึ้นกับงบประมาณและการใช้งานเป็นหลัก โดยทั่วหากต้องการแบบพกพาสะดวก น้ำหนักเบาก็เลือกแบตเตอรี่ความจุน้อย ๆ หากต้องการใช้งานยาวนานโดยไม่เกี่ยงน้ำหนัก ก็เลือกแบตเตอรี่ความจุมาก ๆ
ส่วนแท่นชาร์ทแนะนำชื้อรุ่นที่รองรับการชาร์จเร็วจะใช้งานได้สะดวกกว่ารุ่นธรรมดา
6. ซื้อเครื่องเปล่าหรือแบบชุดพร้อมใช้
โดยทั่วไปแล้วสว่านไร้สายหรือไขควงไร้สายจะวางขายในสองแบบ คือ แบบเครื่องเปล่า และแบบชุดพร้อมใช้
5.1 แบบเครื่องเปล่า จะมีเฉพาะตัวเครื่องมือและอุปกรณ์เสริมที่มาจากโรงงาน เช่น คลิปแขวนเข็มขัด ก้านจับ เหมาะสำหรับคนที่มีแบตเตอรี่และแท่นชาร์จอยู่แล้ว หรือคนที่ต้องการเลือกซื้อแบตเตอรี่และแท่นชาร์จเอง
5.2 แบบชุดพร้อมใช้ ซึ่งมี 2 แบบ คือ
5.2.1 แบบชุดพร้อมใช้ที่มีสว่านไร้สายหรือไขควงไร้สาย 1 เครื่อง แบตเตอรี่ 1 หรือ 2 ก้อน แท่นชาร์จ 1 เครื่อง และกล่อง ข้อดีของชุดแบบนี้คือซื้อเสร็จหรือของมาถึงใช้งานได้ทันที เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่มีแบตเตอรี่และแท่นชาร์จ หรือคนที่ไม่สะดวกที่จะเลือกซื้อแบตเตอรี่และแท่นชาร์จเอง
5.2.2 แบบชุดพร้อมใช้ที่มีมีสว่านไร้สายและไขควงไร้สายอย่างละ 1 เครื่อง แบตเตอรี่ 2 ก้อน แท่นชาร์จ 1 เครื่อง และกล่อง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการซื้อครั้งเดียวแล้วได้เครื่องมือครบจบในครั้งเดียว
ทั่วไปแล้ว เครื่องมือไร้สายแบบชุดพร้อมใช้มีความคุ้มค่ากว่าการซื้อแบบตัวเปล่า โดยเฉพาะถ้าหากร้านค้ามีการลดราคาเพื่อส่งเสริมการขาย และการมาพร้อมกล่องทำให้การจัดเก็บได้ง่ายและเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่จะมีข้อจำกัดในการเลือกแบตเตอรี่และแท่นชาร์จ ส่วนการซื้อแบบตัวเปล่าจะมีราคาสูงกว่าและไม่มีกล่อง แต่สามารถเลือกแบตเตอรี่และแท่นชาร์จตามความต้องการได้
6. การรับประกันคุณภาพและการเคลม
สว่านไร้สายและไขควงไร้สายยี่ห้อที่มีชื่อเสียงจะมีราคาค่อนข้างสูง โดยทั่วไปมีราคาหลักพันจนถึงหลายหมื่น ดังนั้นก่อนซื้อให้พิจารณาถึงการรับประกันคุณภาพด้วย ซึ่งของบอชส์ มิววอลคีย์ และมากีต้ารับประกัน 1 ปี สแตนลีย์รับประกัน 2 ปี ส่วนดีวอลท์รับประกันถึง 3 ปีทีเดียว โดยต้องลงทะเบียนตามช่องทางที่แต่ละแบรนด์กำหนด และเนื่องจากบางยี่ห้อมีเงื่อนไขหรือข้อยกเว้นในการรับประกัน ดังนั้นศึกษาเงื่อนไขให้เข้าใจด้วย
นอกจากนี้ต้องดูเรื่องการเคลมด้วย หากมีศูนย์ซ่อมใกล้บ้านจะสามารถเคลมได้ง่ายหากยังอยู่ในระยะเวลาการรับประกัน หากหมดการรับประกันก็ยังส่งซ่อมได้สะดวกกว่า ข้อนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลเลือกซื้อยี่ห้อมากีต้าถึงแม้ว่าจะรับประกันเพียง 1 ปี
7. เลือกยี่ห้อเลือกรุ่น
ขั้นตอนนี้เป็นการตัดสินใจว่าจะเลือกรุ่นไหนยี่ห้ออะไร ถ้ามียี่ห้อในใจอยู่แล้วก็เลือกเฉพาะรุ่นที่ตรงกับเงื่อนไขด้านบน แต่หากยังไม่มียี่ห้อในใจแนะนำให้เลือกมาสัก 1-2 รุ่น ของ 2-3 ยี่ห้อ แล้วศึกษาเจาะลึกรุ่นเหล่านั้นก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้ เครื่องมือไร้สายแต่ละยี่ห้อก็มีข้อเด่นข้อด้อย ก็พิจารณากันตามอัธยาศัย
8. วางแผนรองรับการใช้งานอนาคต
เนื่องจากเครื่องมือไร้สายมีข้อจำกัดเรื่องแหล่งจ่ายไฟ(ซึ่งคือแบตเตอรี่) ดังนั้นควรวางแผนรองรับการใช้งานอนาคต บางคนอาจสงสัยว่าแค่ซื้อเครื่องมือไร้สายจะต้องวางแผนอนาคตไปทำไม OK ถ้าหากคุณมีงบประมาณไม่จำกัดก็ตามข้อ 0 คือ ชอบตัวไหน รุ่นไหน ยี่ห้อไหน ซื้อโลด ครับ ไม่ต้องวางผงวางแผนอะไร
แต่สำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัดแนะนำให้วางแผนเผื่ออนาคตไว้จะดีกว่า เพราะว่าเครื่องมือไร้สายแต่ละยี่ห้อจะต้องใช้แบตเตอรี่ของยี่ห้อเดียวกันไม่สามารถใช้งานข้ามยี่ห้อได้* และแบตเตอรี่แต่ละยี่ห้อก็ต้องใช้แท่นชาร์จยี่ห้อนั้นไม่สามารถใช้ยี่ห้ออื่นได้เช่นกัน แม้ว่าเป็นยี่ห้อเดียวกันแต่ถ้าใช้ไฟคนละระบบก็ไม่สามารถใช้แบตเตอรี่และแท่นชาร์จร่วมกันได้ เช่น เครื่องมือไร้สายระบบ 12V ใช้แบตเตอรี่ 18V ไม่ได้ และแบตเตอรี่นั้นมีราคาค่อนข้างสูง ยิ่งมีค่าแรงดันไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าสูงราคายิ่งสูงตามไปด้วย
ดังนั้นต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนการซื้อเครื่องมือไร้สายเครื่องแรก โดยควรวางแผนการใช้งานแบตเตอรี่ในอนาคตด้วย เนื่องจากมันเป็นตัวกำหนดหรือจำกัดตัวเลือกการซื้อเครื่องมือไร้สายเพิ่มในอนาคต เพราะหากซื้อยี่ห้อเดียวกัน(อาจจะ)ไม่ต้องเสียเงินซื้อแบตเตอรี่และแท่นชาร์จเพิ่ม
ขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพดังนี้
ต้องการซื้อสว่านกระแทกไร้สายซึ่งเป็นเครื่องมือไร้สายตัวแรก ก็ให้นำไขควงไร้สาย/ไขควงกระแทกไร้สาย หรือเครื่องตัดหญ้าไร้สาย มาประกอบการพิจารณาด้วย ในอนาคตเมื่อจะซื้อเครื่องมือเหล่านั้นเพิ่ม ก็สามารถซื้อแบบเครื่องเปล่าโดยไม่ต้องซื้อแบตเตอรี่และแท่นชาร์จ ซึ่งช่วยให้ประหยัดเงินได้หลายพันบาททีเดียว กรณีมีเครื่องมือไร้สายมากกว่า 1 ตัว ควรมีแบตเตอรี่อย่างน้อย 2 ก้อน เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
*หมายเหตุ:
มากีต้าแยกระบบไฟออกเป็น 12V 18V 2x18V 40V และ 2x40V ดีวอลท์แยกเป็น 18V หรือ 20V กับ 56V หรือ 60V ยี่ห้ออื่น ๆ ก็มีกำหนดของตนเอง และแน่นอนใช้ร่วมกันกับยี่ห้ออื่นไม่ได้
9. ซื้อออฟไลน์หรือออนไลน์
การซื้อเครื่องมือไร้สายจากร้านออฟไลน์และออนไลน์ต่างก็มีข้อดี/ข้อด้อยด้วยกันทั้งคู่
การซื้อออฟไลน์มีข้อดีคือได้เห็นตัวเครื่องมือจริง ได้ลองจับ บางร้านอาจให้มีทดลองใช้งานอีกด้วย และบางร้านอาจมีของแถมให้เพิ่มเติมด้วย ที่สำคัญมั่นใจได้ว่าได้ของแท้/ตรงปกแน่นอน แต่ราคาอาจจะสูงกว่าการซื้อออนไลน์ และมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย
การซื้อออนไลน์มีข้อดีคือ ส่วนใหญ่(เน้นว่าส่วนใหญ่นะครับ)จะมีราคาถูกกว่าการซื้อในร้านค้า แต่มีข้อด้อยคือไม่ได้เห็นตัวเครื่องมือจริง ไม่ได้ลองจับ ไม่ได้ทดลองเล่น ที่สำคัญต้องลุ้นว่าจะได้ของตรงปกหรือไม่ และของจะมาถึงในสภาพไหน สภาพสมบูรณ์ หรือมีรอยขูดขีด บุบ แตกหัก หรือถ้าแย่สุดของสูญหาย
สำหรับประเด็นที่บางคนกลัวว่าจะได้ของปลอม ของก็อปปี้ หรือแย่กว่านั้นคือซื้อแล้วไม่ได้ของ ประเด็นนี้สามารถป้องกันได้โดยซื้อจากร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการหรือร้านที่เชื่อถือได้
สรุป
การซื้อเครื่องมือไร้สายให้ได้ของที่ถูกงาน ถูกใจ และถูกเงิน นั้น มีแนวทางดังต่อไปนี้
1. กำหนดวัตถุประสงค์และงบประมาณ
ขั้นตอนแรกจะต้องทราบวัตถุประสงค์ว่าจะนำไปใช้ในงานอะไรเป็นหลัก จากนั้นจึงดูเรื่องงบประมาณ เพื่อจำกัดกรอบการเลือกซื้อให้แคบลงและเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น
2. ศึกษาข้อมูล
จากนั้นศึกษาข้อมูลทางด้านเทคนิคของเครื่องมือที่จะซื้อ เช่น ระบบแรงดันไฟฟ้า ชนิดของมอเตอร์ ความสามารถในการเจาะไม้/เหล็ก/ปูน แรงบิด ฟังก์ชันการทำงานที่ต้องใช้ และออปชันที่มี รวมถึงระบบแบตเตอรี่และแท่นชาร์ทที่รองรับ
ต่อจากนั้นจึงพิจารณาทางด้านเทคนิค คือ ระบบแรงดันไฟฟ้า ชนิดของมอเตอร์ แบตเตอรี่และแท่นชาร์ท แล้วจึงพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ซื้อเครื่องเปล่าหรือแบบชุดพร้อมใช้ การรับประกันคุณภาพและการเคลม โดยควรวางแผนเผื่อไว้สำหรับการซื้อเครื่องมือไร้สายเพิ่มในอนาคตด้วย
3. ตัดสินใจ
ขั้นตอนต่อไปให้นำข้อมูลของแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อสว่านไร้สายหรือไขควงไร้สาย
วางแผนรองรับการใช้งานอนาคต
ควรวางแผนรองรับการซื้อเครื่องมือไร้สายเพิ่มในอนาคตด้วยเพื่อจะได้ไม่ต้องลงทุนในส่วนของแบตเตอรี่และแท่นชาร์จเพิ่มเติม
4. ซื้อเครื่องมือ
มาถึงขั้นตอนสุดท้าย คือการลงมือซื้อ ซึ่งต้องเลือกระหว่างการซื้อจากร้านออฟไลน์หรือออนไลน์ ตาม
งาน DIY ระหว่างสว่านไร้สายกับไขควงไร้สายควรซื้อตัวไหนก่อน
คำถามยอดฮิตสำหรับการซื้อเครื่องมือไร้สายตัวแรกสำหรับงาน DIY คือ ซื้อสว่านไร้สายหรือไขควงไร้สายดี ซึ่งระหว่างเครื่องมือสองตัวนี้ แบ่งเป็น
Full Option
สำหรับคนที่ไม่ติดขัดเรื่องงบประมาณ จัดเต็ม 4 เครื่องนี้ ครอบคลุมงาน เจาะไม้/เหล็ก/ปูน/ผนังพรีคาสต์ ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก ประกอบเฟอร์นิเจอร์ ซ่อมแซมปรับปรุงบ้าน งาน DIY จนถึงงานระดับรับเหมามืออาชีพ ดังนี้
ไขควงไร้สาย หรือไขควงครัช หรือไขควงติดตั้ง
ไขควงกระแทกไร้สาย
สว่านไร้สาย (ไม่ต้องมีโหมดเจาะปูน) ขนาด 18V
สว่านโรตารี่
Budget
สำหรับคนที่มีงบประมาณเพียงพอสำหรับซื้อเครื่องมือไร้สายได้เพียงชิ้นเดียว แนะนำเป็นสว่านไร้สายเนื่องจากสามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งเจาะและขันสกรู
แต่ถ้าไปได้แนะนำให้ซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สายอย่างละตัวเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านได้เครื่องมือไร้สายที่ถูกใจและใช้งานอย่างมีความสุข นะครับ