Author: Defini

Windows 11 มีความเปลี่ยนแปลงทางด้าน User Interface (UI) ไปจาก Windows 10 มากมายหลายจุด รวมถึง Taskbar ซึ่งได้ถูกย้ายตำแหน่งจากซ้ายมือที่คุ้นเคยไปอยู่กึ่งกลางของหน้าจอ ความเปลี่ยนแปลงนี้มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ สำหรับคนที่อยู่ในกลุ่มหลังสามารถทำการย้ายตำแหน่ง Taskbar ไปอยู่ด้านซ้ายมือแบบที่คุ้นเคยได้ตามขั้นตอนที่นำมาฝากในโพสต์นี้ครับ วิธีย้ายตำแหน่ง Windows 11 Taskbar ไปอยู่ด้านซ้ายมือ 1. คลิกขวาบนพื้นที่ว่างบน Tastbar แล้วเลือก Taskbar settings  2. บนหน้า Personalization > Taskbar ให้คลิกหัวข้อ Taskbar behavior 3. จากนั้นให้ทำการตั้งค่า Taskbar Align เป็น Left เสร็จแล้วปิดหน้าต่าง Settings ผลการทำงานหลังจากย้ายตำแหน่ง Windows 11 Taskbar ไปอยู่ด้านซ้ายมมือจะได้หน้าจอลักษณะดังรูปด้านล่าง ประวัติการเผยแพร่บทความ25 กันยายน 2565 : เผยแพร่ครั้งแรก ****<p>windows-11-taskbar-alignment-to-the-left</p> <p>Change Taskbar alignment to the left on Windows 11</p> <p>ย้ายตำแหน่ง Windows 11 Taskbar ไปอยู่ด้านซ้ายมือ</p> <p>Windows 11 มีความเปลี่ยนแปลงทางด้าน User Interface (UI) ไปจาก Windows 10 มากมายหลายจุด รวมถึง Taskbar ซึ่งได้ถูกย้ายตำแหน่งจากซ้ายมือที่คุ้นเคยไปอยู่กึ่งกลางของหน้าจอ ความเปลี่ยนแปลงนี้มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบ สำหรับคนที่อยู่ในกลุ่มหลังสามารถทำการย้ายตำแหน่ง Taskbar ไปอยู่ด้านซ้ายมือแบบที่คุ้นเคยได้ตามขั้นตอนที่นำมาฝากในโพสต์นี้ครับ</p> <p>วิธีย้ายตำแหน่ง Windows 11 Taskbar ไปอยู่ด้านซ้ายมือ</p> <p>1. คลิกขวาบนพื้นที่ว่างบน Tastbar แล้วเลือก Taskbar settings</p> <p>2. บนหน้า Personalization &gt; Tastbar ให้คลิกหัวข้อ Taskbar behavior</p> <p>3. จากนั้นให้ทำการตั้งค่า Taskbar Align เป็น Left เสร็จแล้วปิดหน้าต่าง Settings</p> <p>ผลการทำงาน<br />หลังจากย้ายตำแหน่ง…

Read More

ปกติเมื่อเรา Right click ใน File Explorer จะมีเมนู New ให้เลือกสร้าง Folder และไฟล์ต่าง ๆ เช่น Word, PowerPoint, Excel เป็นต้น                                                                                                                                                                       …

Read More

โพสต์นี้แตกประเด็นมาจากเรื่องสว่านกระแทกไร้สาย DHP486 เพื่อใช้ปรับปรุงซ่อมแซมบ้านและใช้ในงาน DIY แต่หลังจากใช้แล้วมันไม่ตอบโจทย์เรื่องการขันสกรู ทำให้ต้องถอยไขควงกระแทกไร้สายเพิ่มอีกหนึ่งตัว ซึ่งก็คือรุ่น DTD157 ของมากีต้า (Makita) โดยหลังจากได้ใช้งานมาประมาณ 4-5 เดือน จึงนำเรื่องที่ประทับใจและประเด็นที่เป็นข้อสังเกตมาบอกกล่าวเล่าสู่กันฟัง เพื่อเป็นแนวทางการเลือกซื้อไขควงกระแทกไร้สายครับ MAKITA DTD157 ไขควงกระแทกไร้สาย 18V DTD157 จัดเป็นไขควงกระแทกไร้สายกลุ่ม Sub-compact ของไขควงกระแทกไร้สายระบบ 18V ของมากีต้า เป็นรุ่นที่มีแรงบิด (Torque) กลาง ๆ โดยมีคุณลักษณะเด่น ดังนี้: คุณลักษณะทางเทคนิค อุปกรณ์มาตรฐาน DTD157Z มีตัวเครื่องกับคลิปหนีบเข็มขัด (ไม่รวมแบตเตอรี่และเครื่องชาร์จ) การรับประกัน รับประกันคุณภาพ 1 ปี โดยลงทะเบียนได้ที่ mymakita.in.th การใช้งาน MAKITA DTD157 หลังจากได้ใช้งาน DTD157 ในการปรับปรุงซ่อมแซมบ้านและทำงาน DIY มาได้ 4-5 เดือน มีผลการทำงานตามรายละเอียดด้านล่าง ขออนุญาตโน้ตไว้ ณ ตรงนี้ว่า “เป็นการวัดจากความรู้สึกล้วน ๆ ใช้วิจารณญาณในการดูข้อมูลและไม่แนะนำให้ใช้อ้างอิงใดใด” นะครับ ความคิดเห็นต่อไขควงกระแทกไร้สาย DTD157 ความประทับใจต่อ DTD157: ข้อสังเกตของ DTD157 ด้านล่างนี้เป็นประเด็นที่ไม่ค่อยประทับใจเกี่ยวกับ DTD157: สรุปการใช้งาน DTD157 DTD157 เป็นไขควงกระแทกไร้สายที่มีแรงบิดกลาง ๆ ซึ่งเพียงพอและเหมาะสำหรับการใช้งาน DIY งานปรับปรุงซ่อมแซมบ้าน เช่น งานขันสกรูเกลียวปล่อยซึ่งนิยมใช้ในบ้านเราเข้าไม้ เหล็ก พุกพลาสติก สำหรับการใช้งานประกอบเฟอร์นิเจอร์หรืองานขันสกรูเข้าอุปกรณ์ที่เป็นพลาสติก เช่น งานซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือของเล่นที่เป็นพลาสติก สามารถใช้งานได้แต่ต้องควบคุมการกดสวิตช์ให้เหมาะสม เพราะหากกดสวิตช์แรงไปจะทำให้พลาสติกแตกเสียหายได้ สำหรับงานหนัก เช่น งานขันสกรูหลังคาเมทัลชีท การขันสกรูขนาดใหญ่หรือยาว DTD157 ก็พอทำได้นะครับ แต่ถ้าต้องทำในจำนวนมาก ทำเป็นประจำ หรือทำเป็นอาชีพ เช่น งานรับเหมา แนะนำให้ใช้รุ่นใหญ่ขึ้นจะเหมาะสมและทำงานได้เร็วกว่า ซึ่งมากีต้าก็มีไขควงกระแทกไร้สายรุ่นงานหนักให้เลือกใช้หลายรุ่น ซีรี่ย์ 18V…

Read More

โพสต์นี้เป็นขั้นตอนการลงทะเบียนสินค้ามากีต้า (Makita) ประเทศไทย เพื่อรับประกันเป็นระยะเวลา 1 ปี วัตถุประสงค์คือบันทึกไว้เพื่อช่วยจำและเป็นแนวทางให้กับผู้อ่านที่ซื้อผลิตภัณฑ์มากีต้าเป็นครั้งแรก ขั้นตอนการลงทะเบียนมากีต้า ประเทศไทย ณ ปัจจุบัน (พ.ศ. 2566) มากีต้าจะรับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์เป็นระยะเวลา 1 ปี* โดยลูกค้าจะต้องทำการลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ที่ซื้อให้เรียบร้อย ซึ่งการลงทะเบียนผลิตภัณฑ์มากีต้ามี 2 แบบด้วยกัน: ทางร้านลงทะเบียนให้ (ส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีเลข Serial Number เช่น แบตเตอรี่) ลงทะเบียนเองผ่านทางเว็บไซต์ mymakita.in.th โพสต์นี้จะเป็นการลงทะเบียนแบบที่สอง คือ การลงทะเบียนเองผ่านทางเว็บไซต์ mymakita.in.th ซึ่งต้องทำภายใน 15 วันหลังจากซื้อสินค้า และต้องใช้ใบเสร็จเพื่อยืนยัน ขั้นตอนการลงทะเบียนแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนย่อย คือ 1. การเปิดบัญชี 2. การลงทะเบียน และ 3. การตรวจสอบการรับประกัน *เพื่อความรวดเร็ว ให้จดหมายเลข SN และถ่ายรูปใบเสร็จเตรียมไว้ให้เรียบร้อยก่อนทำการลงทะเบียน 1. การเปิดบัญชี (ทำเฉพาะครั้งแรกครั้งเดียว) สำหรับผู้ที่ยังไม่มีบัญชีสำหรับเข้าเว็บไซต์ makita.in.th จะต้องทำการเปิดบัญชีก่อน ตามขั้นตอนดังนี้: เข้าเว็บไซต์ mymakita.in.th จากนั้นเลือกเมนู “เข้าสู่ระบบลูกค้า” บนหน้าถัดไปเลือก “สร้างบัญชีลูกค้า” ขั้นตอนนี้สามารถเลือก Sign in with Google หรือ Sign in with Facebook ก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ทำแบบแมนนวลดีกว่าและปลอดภัยกว่าครับ หน้าถัดไปจะเป็น “ส่วนที่ 1: ยืนยันข้อมูลส่วนบุคคล” ให้กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน เสร็จแล้วคลิก “ยืนยันข้อมูล” ชื่อและนามสกุล หมายเลขโทรศัพท์หลัก หมายเลขโทรศัพท์สำรอง (ไม่จำเป็นต้องใส่) Line ID (ไม่จำเป็นต้องใส่) ที่อยู่ กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน อีเมล์และยืนยันอีเมล์ รหัสผ่านและยืนยันรหัสผ่าน การตั้งรหัสผ่าน: รหัสผ่านต้องประกอบด้วยตัวอักษรพิมพ์เล็ก (a-z) อย่างน้อยหนึ่งตัว ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ (A-Z)…

Read More

โพสต์นี้มาแชร์ประสบการการซื้อถ่านชาร์จได้ (Rechargeable Battery) ยี่ห้อ Panasonic รุ่น eneloop ความจุ 1,900 mAh แรงดัน 1.2V ขนาด AA เพื่อเป็นแนวทางการเลือกซื้อเลือกใช้ โดยเนื้อหาจะเชื่อมกับ xtar vc4 ที่ได้โพสต์ไปก่อนหน้านี้ Panasonic รุ่น eneloop เป็นถ่านชาร์จชนิด นิเกิล-เมทัลไฮดราย (Ni-Mh) มีความจุ 1,900 mAh (ความจุสูงสุดได้ถึง 2,000 mAh) แรงดัน 1.2V ขนาด AA และเคลมว่า สามารถเก็บได้นาน 10 ปี โดยที่ความจุลดลงเพียงเล็กน้อย (จริงหรือไม่ผมไม่ทราบเพราะใช้ยังไม่ถึง 10 ปี) และสามารถชาร์จโดยโซลาร์เซลได้ eneloop เป็นถ่านชาร์จรุ่นยอดนิยมอันดับต้น ๆ และยังมีการเลียนแบบหรือกอปปี้ (พูดตรง ๆ คือปลอมนั้นแหละ) กันอย่างกว้างขวาง เช่นกัน ผมซื้อถ่านชาร์จรุ่น eneloop ครั้งแรกเมื่อประมาณ 10 เดือนที่แล้ว ซึ่งใช้งานแล้ว OK พอใจในคุณภาพ ดังนั้น พอจำเป็นต้องซื้อเพิ่มจึงเลือกซื้อรุ่นเดิมแม้ราคาจะแพงกว่ายี่ห้ออื่นพอสมควร ถ่านชาร์จรุ่น eneloop ที่ผมซื้อเป็นแบบชุด 4 ก้อน ซื้อจากร้านดังในชอปปี้แอปชอปปิ้งชื่อดัง โดยซื้อมาในราคา 3xx บาท (ใช้โค้ดส่งฟรี+ส่วนลด) สเปคถ่าน Panasonic eneloop ขนาด: AA แรงดัน: (HRM6) 1.2V ความจุ: 1,900 mAh (up to 2,000 mAh ชนิด: นิกเกิลเมทัลไฮดราย (Ni-Mh) การชาร์จ: 16 ชั่วโมง ที่ 190 mA การคายประจุเอง: เมื่อชาร์จประจุเต็ม สามารถเก็บได้นาน…

Read More

จากประสบการณ์การซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สาย สำหรับเอาไว้ซ่อมแซมปรับปรุงบ้านและใช้งาน DIY พบว่าการเลือกซื้อเครื่องมือสองอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยเฉพาะกับคนทั่วไปที่ไม่ใช่สายช่างมืออาชีพ เนื่องจากมีเรื่องที่ต้องพิจารณาหลายอย่างด้วยกัน จึงคิดว่าถ้ารวบรวมสิ่งที่ผมพิจารณาในการซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สายเป็นบทความ น่าจะมีประโยชน์และให้ข้อคิดแก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย ตั้งใจจะเขียนเป็นโพสต์สั้น ๆ แต่กลายเป็นยาว ใครไม่สะดวกอ่านยาว ๆ สรุปให้ตามนี้ครับ สรุป: การเลือกซื้อสว่านไร้สายและไขควงไร้สาย 1. กำหนดวัตถุประสงค์ ต้องรู้ว่าจะซื้อเครื่องมือไปใช้ในงานอะไร เพื่อจำกัดขอบเขตเครื่องมือให้แคบลง ทำให้เลือกซื้อได้ง่ายขึ้นและได้เครื่องมือที่เหมาะสมกับงาน – ใช้งานเจาะเป็นหลัก: เลือกสว่านไร้สาย- เจาะไม้และเหล็ก: สว่านไร้สายแบบไม่มีโหมดกระแทก- เจาะปูนหรือผนังอิฐ: สว่านไร้สายแบบมีโหมดกระแทกหรือสว่านโรตารีไร้สาย- เจาะปูนแข็ง: สว่านโรตารีไร้สายแบบ 2 หรือ 3 โหมด – ใช้งานขันสกรูเป็นหลัก: เลือกไขควงไร้สาย- ขันสกรูทั่วไป: ไขควงครัชไร้สายหรือไขควงติดตั้งไร้สาย- งาน DIY: ไขควงครัชไร้สายหรือไขควงกระแทกไร้สายแรงบิดปานกลาง- งานมืออาชีพ: ไขควงไร้สายแรงบิดสูง – ใช้งานทั้งเจาะและขันสกรู: เลือกสว่านกระแทกไร้สาย 2. กำหนดงบประมาณ งบประมาณจะช่วยจำกัดตัวเลือกเครื่องมือที่จะซื้อให้แคบลง ทำให้เลือกซื้อได้ง่ายขึ้น 3. ศึกษาข้อมูลทางเทคนิคของเครื่องมือที่จะซื้อ – ระบบแรงดันไฟฟ้า: เลือกตามการใช้งานและงบประมาณ- 12V และต่ำกว่า: งานทั่วไปและ DIY- 18-20V: งานทั่วไปจนถึงมืออาชีพ- สูงกว่า 20V: งานมืออาชีพ – มอเตอร์: เลือกตามงบประมาณ- มอเตอร์แบบใช้แปรงถ่าน: ราคาถูก แต่มีการเสียดสีและต้องเปลี่ยนแปรงถ่าน- มอเตอร์แบบไร้แปรงถ่าน: ประสิทธิภาพสูงกว่า อายุการใช้งานยาวนานกว่า แต่ราคาแพงกว่า – แบตเตอรี่และแท่นชาร์จ: เลือกตามความต้องการใช้งานและงบประมาณ 4. ซื้อเครื่องเปล่าหรือแบบชุดพร้อมใช้ – เครื่องเปล่า: เหมาะสำหรับคนที่มีแบตเตอรี่และแท่นชาร์จอยู่แล้ว- ชุดพร้อมใช้: เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่มีแบตเตอรี่และแท่นชาร์จ 5. การรับประกันคุณภาพและการเคลม เลือกยี่ห้อที่มีการรับประกันคุณภาพและมีศูนย์ซ่อมใกล้บ้าน 6. เลือกยี่ห้อเลือกรุ่น เลือกรุ่นที่ตรงกับเงื่อนไขด้านบน และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจ 7. วางแผนรองรับการใช้งานอนาคต วางแผนการใช้งานแบตเตอรี่ในอนาคต เพื่อไม่ต้องลงทุนกับแบตเตอรี่หรือแท่นชาร์จเพิ่ม 8. ซื้อออฟไลน์หรือออนไลน์ – ออฟไลน์:…

Read More

ถึงแม้ว่าผมจะมีสว่านโรตารีและสว่านไฟฟ้าใช้งานอยู่แล้วอย่างละเครื่อง แต่ด้วยมีความจำเป็นต้องเจาะปูนและไขสกรูในสถานที่ซึ่งไม่มีไฟฟ้า ทำให้ต้องหาซื้อสว่านไฟฟ้าไร้สายเพิ่มอีกหนึ่งตัว ไหนไหนก็จะซื้อทั้งทีก็คิดว่าซื้อของดีมีแบรนด์ไปเลยจะได้ใช้งานกันยาว ๆ และหลังจากจดๆ จ้องๆ ศึกษาค้นคว้าข้อมูลอยู่นานสองนานในที่สุดก็ตัดสินใจซื้อยี่ห้อ Makita รุ่น DHP486 ซึ่งเป็นรุ่นท็อปของสว่านไฟฟ้าไร้สายซีรี่ย์ 18V ของ Makita โดยหลังจากใช้งานมาได้สักพักก็มีทั้งเรื่องที่ประทับใจและไม่ประทับใจ จึงนำมาโพสต์เพื่อบอกกล่าวกัน สำหรับใครที่สงสัยว่ารหัสหรือชื่อรุ่น DHP หมายถึงอะไร หรือมีที่มาที่ไปอย่างไร สรุปว่ามันเป็นตัวย่อของ D[rill] H[ammer] P[ercussion] ส่วน DDF DHP’ (Which stands for ‘Drill Hammer Percussion’). สำหรับคนที่ไม่สะดวกอ่านเนื้อหายาว ๆ ย่อความมาให้ตามนี้ ครับ รีวิว Makita DHP486: แบบกระชับเนื้อหา ฟีเจอร์ Makita DHP486 เป็นสว่านไฟฟ้าไร้สายแบบ 3 โหมด (Cordless Hammer Drill Driver) ที่สามารถเจาะกระแทก เจาะธรรมดา และไขสกรูได้ โดยมีคุณลักษณะเด่นดังนี้: สเปคและคุณลักษณะจำเพาะ การใช้งาน หลังจากใช้งาน DHP486 ในการปรับปรุงบ้านและงาน DIY เช่น เจาะเสารั้วคอนกรีตอัดแรง ผนังอิฐมวลเบา และไม้เนื้ออ่อน พบว่ามีประสิทธิภาพดีมาก โดยเฉพาะการเจาะปูนที่ใช้ดอกสว่าน 6 มม. เจาะได้ไม่มีปัญหา ข้อแนะนำ: ควรใช้ดอกสว่านใหม่และมีคุณภาพดี และลงทะเบียนภายใน 15 วัน เพื่อรับสิทธิ์การรับประกันคุณภาพ 1 ปี ข้อควรทราบ ปัญหาที่พบใน DHP486 ข้อมูลจากกลุ่มผู้ใช้มากีต้าบน Facebook มีรายงานปัญหาบางประการ เช่น ล็อคดอกสว่านไม่ได้ มีอาการหลงเกียร์ มีการกระแทกในโหมดเจาะ ความเร็วไม่เปลี่ยนแปลงตามการกดสวิตช์ และสว่านสูญเสียแรง บทสรุป Makita DHP486 มีกำลังทำงานเหลือเฟือ เหมาะสำหรับงาน DIY และงานซ่อมแซมบ้าน เจาะปูนได้ดีแต่ต้องเลือกใช้ดอกสว่านที่เหมาะสม หากต้องเจาะผนังพรีแคส…

Read More

ในฐานะพ่อที่ต้องใช้แบตเตอรี่ AA และ AAA สำหรับของเล่นลูกถึง 10 ก้อน การใช้แบตเตอรี่อัลคาไลน์ที่ใช้แล้วทิ้งนั้นไม่คุ้มค่า เนื่องจากหมดไวและราคาค่อนข้างแพง ผมจึงเปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ (Rechargeable) แทน ซึ่งต้องใช้ควบคู่กับแท่นชาร์จแบตเตอรี่ โพสต์นี้จึงขอแชร์ประสบการณ์การใช้งานแท่นชาร์จแบตเตอรี่ XTAR VC4 ครับ ปัจจัยพิจารณาในการเลือกแท่นชาร์จแบตเตอรี่ 1. การรองรับแบตเตอรี่ – ชนิดแบตเตอรี่: เลือกรุ่นที่รองรับแบตเตอรี่ Li-Ion และ Ni-MH – แรงดันไฟฟ้า: รองรับแบตเตอรี่ AA และ AAA ที่มีแรงดัน 1.2 โวลท์ – ขนาดแบตเตอรี่: รองรับขนาด AAAA ถึง D – จำนวนแบตเตอรี่: รองรับการชาร์จพร้อมกัน 2, 4 หรือ 8 ก้อน 2. ราคา – เลือกรุ่นที่มีราคาสมเหตุสมผล ไม่ถูกจนไม่น่าเชื่อถือ 3. ประสิทธิภาพ – ต้องจ่ายกระแสได้อย่างน้อย 0.5A ที่ Full load และรองรับ Quick Charge (QC) ที่จ่ายกระแสได้สูง 3.0A 4. ฟังก์ชันการใช้งานขั้นสูง – เช่น การปรับการจ่ายกระแส การตรวจสอบสุขภาพของแบตเตอรี่ คุณลักษณะจำเพาะของ XTAR VC4 – Input: DC 5V 2.1A- Constant Current: 0.5A +-50mA x 4 / 1.0A +-80Ma x 2 (Ch1 & Ch4)- Cut-Off Voltage: 4.2 +-0.05V…

Read More

การติดตั้งอุปกรณ์ให้ได้ระดับขนานกับแนวพื้นโลกอย่างแม่นยำไม่สามารถอาศัยเพียงการดูด้วยสายตาได้ ต้องใช้อุปกรณ์วัดระดับช่วยในการวัด ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวรู้จักกันในชื่อ “ระดับน้ำ” มีให้เลือกซื้อหลากหลายยี่ห้อและราคา ตั้งแต่หลักสิบบาทจนถึงหลักหลายพันบาท โพสต์นี้จึงขอแชร์ประสบการณ์การใช้งานระดับน้ำตอปิโด Kapro 227C ซึ่งเหมาะสำหรับงาน DIY ทั่วไปครับ Kapro 227C Kapro 227C เป็นระดับน้ำตอปิโด ผลิตจากพลาสติก ขนาด 9 นิ้ว (23 เซนติเมตร) เป็นผลิตภัณฑ์ในเครือบริษัท Kapro Industries ประเทศอิสราเอล (แต่อุปกรณ์ตัวนี้น่าจะผลิตในจีนหรือเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) มีคุณลักษณะทางเทคนิค ดังนี้: ขนาด Kapro 227C มีขนาด กว้าง x สูง x หนา เท่ากับ 230 มม. x 40 มม. x 18 มม. การใช้งาน จากประสบการณ์การใช้งานระดับน้ำ Kapro 227C มาได้ระยะหนึ่ง สรุปความเห็นได้ดังนี้: ข้อดี: ข้อสังเกต: สรุป แม้ว่า Kapro 227C ผลิตจากพลาสติก แต่จับแล้วรู้สึกได้ว่าใช้วัสดุมีมาตรฐาน ด้วยขนาดที่เล็กเพียง 23 เซนติเมตร ทำให้ผมหยิบ Kapro 227C ออกมาใช้งานมากกว่าระดับน้ำอีกตัวที่เป็นอะลูมิเนียมขนาด 40 เซนติเมตร ใครกำลังหาระดับน้ำสำหรับใช้งาน DIY ที่มีคุณภาพ ราคาไม่สูง และพกพาสะดวก ลองพิจารณา Kapro 227C ดูครับ และถ้าใครสนใจระดับน้ำตัวนี้ ผมไม่มีขายนะครับ สามารถค้นหาในแอปต่าง ๆ ราคาที่ผมได้มา 1xx บาท (ใช้โค้ดส่งฟรี) ประวัติการเผยแพร่บทความ 20 มกราคม 256ค : รีวิว/ปรับปรุงเนื้อหา13 กันยายน 2566 : เผยแพร่ครั้งแรก

Read More

ไขควงเป็นเครื่องมือที่ช่างทั้งมืออาชีพ มือสมัครเล่น และคนที่ชื่นชอบงาน DIY จำเป็นต้องมีติดบ้านหรือในกล่องเครื่องมือ ถึงแม้ว่าปัจจุบันการหาซื้อเครื่องมือช่างจะง่ายผ่านทางแอปต่าง ๆ แต่การหาเครื่องมือช่างคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสมไม่ใช่เรื่องง่าย โพสต์นี้จึงขอแชร์ประสบการณ์การซื้อชุดไขควง Precision ยี่ห้อ Total ซึ่งเป็นการซื้อที่ผมคิดว่าได้ของคุณภาพในราคาที่ไม่แพงมาฝากครับ ชุดไขควง Total Precision Screwdriver 32 in 1 (THT250PS0321) หมายเหตุ คนที่กำลังมองหาไขควงชุด Precision สำหรับมืออาชีพ ข้ามชุดนี้ไปได้เลยครับ ชุดไขควง Total 32 in 1 รุ่น THT250PS0321 ประกอบด้วยดอกไขควงแกน 4 มิลลิเมตร 30 ดอก ด้ามไขควง 1 ชิ้น และก้านขยายความยาว 4 มิลลิเมตร 1 ชิ้น บรรจุในกล่องขนาด 14 x 10 x 2.8 ซม. น้ำหนักทั้งกล่องประมาณ 200 กรัม รายละเอียดอุปกรณ์ที่มีให้ การใช้งาน ชุดไขควง Total Precision 32 in 1 นี้ครอบคลุมการใช้งานหลากหลาย เช่น ซ่อมแว่นตา ซ่อมนาฬิกา ซ่อมโทรศัพท์ ซ่อม iPhone และ iPad (Star 0.8, Star 1.2) ซ่อมคอมพิวเตอร์และโน้ตบุ๊ค โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ซ่อมแว่นตาและถอดฮาร์ดดิสก์ที่เสียแล้ว ข้อดีและข้อสังเกต ข้อดี ข้อสังเกต หมายเหตุ ดอกไขควงชุดนี้แกนขนาด 4 มม. และใช้ได้กับด้ามและก้านต่อที่รองรับ 4 มม. เท่านั้น สรุป ชุดไขควง Total Precision Screwdriver 32 in 1 เป็นของคุณภาพดีราคาไม่แพง เหมาะสำหรับการใช้งาน…

Read More