โพสต์นี้เป็นวิธีการติดตั้ง Key Management Service บน Windows 10 เพื่อทำ KMS Host สำหรับให้บริการแอคติเวต Windows 10 แบบโวลุ่มไลเซนส์ (Volume License) ผ่านทางเครือข่าย ครับ
วัตถุประสงค์
วัตถุประสงค์ที่ผมโพสต์เรื่องก็เพื่อแบ่งปันประสบการณ์การทำ KMS Host กับผู้อ่านโดยเฉพาะผู้ที่ทำงานด้านไอที เนื่องจากถึงแม้ว่าไมโครซอฟท์จะมีคู่มือวิธีการติดตั้ง MS Host ให้แต่ก็ไม่ได้อธิบายรายละเอียดของบางขั้นตอน ทำให้ผมต้องเสียเวลาหลายชั่วโมงไปกับการลองผิดลองถูก
เตรียมระบบสำหรับทำ KMS Host บน Windows 10
การทำ KMS Host บน Windows 10 นั้นเราจะต้องทำการเตรียมระบบต่างๆ ดังนี้
1. เครื่องพีซี Windows 10 สำหรับใช้ทำ KMS Host
เครื่องพีซี Windows 10 จำนวนอย่างน้อย 1 เครื่อง ควรเป็นเครื่องเปล่าสำหรับใช้ทำ KMS Host เป็นการเฉพาะ โดยสามารถใช้พีซีจริงหรือ VM ก็ได้ เครื่องที่จะใช้ทำ KMS Host นี้ไม่ต้องแอคติเวต แต่ต้องออกอินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากต้องใช้ในการแอคติเวตกับ KMS Server ของไมโครซอฟท์
2. KMS Key สำหรับใช้แอคติเวต Windows 10 ให้เป็น KMS Host
สำหรับ KMS Key เป็นรหัส KMS จำนวน 25 ตัว ที่ได้จากเว็บไซต์ VLSC โดยจะอยู่ภายใตัหัวข้อ Downloads And Keys > Windows > Windows 10 Professional and Windows 10 Pro Workstation
3. เครื่องพีซี Windows 10 ลูกข่ายอย่างน้อย 25 เครื่อง
สามารถเป็นได้ทั้งพีซีจริงและ VM (นับจำนวนเครื่องรวมกัน) และต้องติดต่อกับเครื่อง Windows 10 ที่เป็น KMS Host ได้
หลังจากเตรียมระบบที่ต้องใช้งานพร้อมแล้ว จากเราก็สามารถเริ่มทำการติดตั้ง KMS Host บน Windows 10 ได้แล้ว และเพื่อให้ทำตามกันได้ง่าย ผมแบ่งการทำงานออกเป็น 4 ขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: ติดตั้ง KMS Host บน Windows 10
บนเครื่อง Windows 10 (บทความนี้ผมใช้ Windows 10 Pro) ที่จะใช้ทำ KMS Host ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้
1. เปิดคอมมานด์พร้อมท์ด้วยสิทธิ์ผู้ดูแลระบบโดยพิมพ์ cmd ในช่อง Type here to search ของ Cortana จากนั้นคลิกขวา Command Prompt แล้วเลือก Run as administrator
2. ทำการถอนการติดตั้ง Product Key ของ Windows 10 โดยการรันคำสั่งที่คอมมานด์พร้อมท์ ดังนี้
slmgr.vbs /upk
3. ทำการติดตั้ง KMS key โดยการรันคำสั่งที่คอมมานด์พร้อมท์ ดังนี้
slmgr.vbs /ipk [KmsKey]
แทน [KmsKey] ด้วยรหัส KMS จำนวน 25 ตัว ที่ได้จากเว็บไซต์ VLSC ตัวอย่าง A1234-B5678-C9012-D3456-E7890
4. ทำการแอคติเวต KMS Host โดยการรันคำสั่งที่คอมมานด์พร้อมท์ ดังนี้
slmgr.vbs /ato
หากการทำงานถูกต้องจะได้หน้าจอดังรูปด้านล่าง
5. ทำการรีสตาร์ทเซอร์วิส Software Protection โดยการรันคำสั่งที่คอมมานด์พร้อมท์ ดังนี้
net stop sppsvc
net start sppsvc
ทำข้อที่ 5 เสร็จ ยังไม่ต้องปิดหน้าต่างคอมมานด์พร้อมท์นะครับ เพราะต้องใช้ทำขั้นตอนที่ 2 ต่อ
ขั้นตอนที่ 2: ตรวจสอบการทำงาน KMS Host
หลังทำการคอนฟิกตามขั้นตอนที่ 1 เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราสามารถตรวจสอบการทำงานของ KMS Host ได้โดยการรันคำสั่งที่คอมมานด์พร้อมท์ ดังนี้
slmgr.vbs /dli
หากได้หน้าจอลักษณะดังรูปด้านล่างแสดงว่าเครื่อง Windows 10 เป็น KMS Host เรียบร้อยแล้วครับ
ขั้นตอนที่ 3: คอนฟิก Windows Defender Firewall
หลังจากทำการแอคติเวต Windows 10 เป็น KMS Host เสร็จเรียบร้อยแล้วแต่เครื่อง Windows 10 ลูกข่ายจะยังไม่สามารถแอคติเวตได้เพราะติด Windows Defender Firewall
ถึงขั้นตอนนี้ ถ้าหากทำการรันคำสั่ง slmgr.vbs /ato จะเกิดข้อผิดผลาดว่าไม่สามารถติดต่อ Key Management Service
ดังนั้นจึงต้องทำการคอนฟิก Windows Defender Firewall ให้อนุญาตให้ทราฟิก Software Protection สามารถผ่านเข้าได้ ข้อนี้ผมไม่ลงรายละเอียดนะครับเพราะคิดว่าคนไอทีคงจะทำเป็นกันอยู่แล้ว
รูปด้านเป็นหน้าต่าง Windows Defender Firewall ที่อนุญาตให้ทราฟิก Microsoft Software Protection Platform Service ผ่านโปรไฟล์เครือข่ายแบบ Domain และ Private
ขั้นตอนที่ 4: แอคติเวต Windows 10 ผ่าน KMS Host
การที่เราจะทำการแอคติเวต Windows 10 ผ่าน KMS Host ได้นั้น ต้องผ่านเงื่อนไขหรือข้อกำหนดดังนี้ครับ
1. ไมโครซอฟท์กำหนดจำนวนเครื่องWindows ลูกข่ายขั้นต่ำ (Threshold) สำหรับการแอคติเวตผ่าน KMS Host ไว้ที่ 25 เครื่อง (ใช้ได้ทั้งพีซีจริงและ VM โดยนับจำนวนเครื่องรวมกันครับ) ตามที่บอกไปแล้วด้านบน หมายความว่าเราต้องมีของ Windows 10 จำนวน 25 เครื่องหรือมากกว่าจึงจะสามารถอคติเวตผ่าน KMS Host ได้ ถ้ามีไม่ถึงต้องใช้วิธีการอื่น เช่น การแอคติเวตด้วย MAK ครับ
2. เครื่อง Windows 10 ที่จะแอคติเวตผ่าน KMS Host ต้องติดตั้งด้วยคีย์ KMS Setup (หรือคีย์ GVLK)
*ต้องใช้ระบบเครือข่ายด้วยนะครับจึงจะทำงานได้
ถ้าหากผ่านเกณฑ์ด้านบนทั้ง 2 ข้อ ก็จะสามารถทำการแอคติเวต Windows 10 ผ่านทาง KMS Host ได้ ซึ่งการแอคติเวตยังแบ่งออกเป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 ไม่ได้เผยแพร่ KMS Host ในระบบเซิร์ฟเวอร์ DNS
กรณีที่ไม่ได้ทำการเผยแพร่ KMS Host ในระบบเซิร์ฟเวอร์ DNS เรายังมีงานต้องทำเพิ่มอีกเล็กน้อย ดังนี้
1. เปิดคอมมานด์พร้อมท์ด้วยสิทธิ์ผู้ดูแลระบบ (ดูวิธีได้จากข้อที่ 1 ในขั้นตอนที่ 1)
2. ทำการเซ็ตค่า KMS Host ให้ Windows 10 โดยการการรันคำสั่งที่คอมมานด์พร้อมท์ ดังนี้
slmgr.vbs /skms [IPv4_Address]:[port]
หรือ
slmgr.vbs /skms [KMS_FQDN]:[port]
แล้วคลิก OK บนหน้า Key Management Service machine name set to “IPv4_Address หรือ KMS_FQDN” successfully
เมื่อ IPv4_Address คือ หมายเลขที่อยู่ไอพีเวอร์ชัน 4 ของ KMS Hostและ KMS_FQDN คือชื่อเต็มของเซิร์ฟเวอร์ KMS กรณี KMS Host ทำงานบนพอร์ทหมายเลข 1688 ไม่จำเป็นต้องใส่หมายเลขพอร์ทในคำสั่งด้านบนครับ
3. ทำการแอคติเวต Windows 10 ผ่าน KMS Host โดยการรันคำสั่งที่คอมมานด์พร้อมท์ ดังนี้
slmgr.vbs /ato
หากแอคติเวตสำเร็จจะได้หน้าจอดังรูปด้านล่าง
ถ้าหาก KMS Host ได้รับการขอแอคติเวตจาก Windows 10 ไม่ถึง 25 เครื่องจะได้หน้าจอจอดังรูปด้านล่าง
กรณีที่ 2 ทำการเผยแพร่ KMS Host ในระบบเซิร์ฟเวอร์ DNS
สำหรับกรณีที่ 2 นี้ เราไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่เปิดเครื่อง Windows 10 จากนั้นระบบจะทำการแอคติเวตโดยอัตโนมัติ แต่อาจต้องรอการทำงาน 5-10 นาที นะครับ หากใครใจร้อนให้รันคำสั่ง slmgr.vbs /ato ที่คอมมานด์พร้อมท์ครับ (ต้องเปิดคอมมานด์พร้อมท์ด้วยสิทธิ์ผู้ดูแลระบบนะครับ)
สำหรับวิธีการเผยแพร่ KMS Host ในระบบเซิร์ฟเวอร์ DNS นั้นจะนำมาโพสต์ในโอกาสต่อไปครับ
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการติดตั้ง KMS Host บน Windows 10 ที่นำมาฝาก หากใครทำตามแล้วติดปัญหา หรือมีข้อสงสัย หรือว่าคำแนะนำ สามารถโพสต์ในส่วนแสดงความคิดเห็นได้เลยครับ
แหล่งอ้างอิง
Microsoft
ประวัติการปรับปรุง
26 มิถุนายน 2562: แก้ไขคำผิด
24 กุมภาพันธ์ 2561: เผยแพร่ครั้งแรก